ความรู้ที่สาวกของพระภูมีได้เรียนรู้ อันเป็นการเพื่อนำไปปฏิบัติเพื่อช่วยตนเอง คือความรู้ที่ไม่เคยมีในตำราใดๆ ของมนุษย์
สิ่งที่พระภูมี ทรงชี้ให้เห็นเป็นประการแรก ในการแก้ไขปัญหาของผู้ที่มาแสวงหาทางดับทุกข์จากท่านก็คือ "การเมตตาตนเองก่อน จึงเมตตาผู้อื่น"
เหตุและผลที่ทรงให้แก่เหล่าสาวก พิจารณา ก็คือ ตัวเราต้องรับผิดชอบกับกายเรา เพราะสังขารนี้เรายืมเขามาใช้ เมื่อถึงเวลาก็ต้องคืน แล้วยืมสังขารใหม่มาใช้
พฤติกรรมที่เมตตาผู้อื่น แม้จะมากมายสักเพียงไร หากแต่ในขณะเดียวกัน เราก็มีพฤติกรรมทำลายตัวเอง ด้วยการทานสิ่งที่เป็นโทษ ซึ่งก็คือสิ่งที่ธรรมชาติมิได้บัญญัติ ทำให้เกิดโทษแก่ร่างกาย แก่อวัยวะของเราเอง จนหมดความสามารถ ก่อให้เกิดโรคภัย หรือเสียชีวิต การเมตตาผู้อื่นนั้นก็ไร้ผล ด้วยถูกการกระทำนี้ลบล้างนั่นเอง
พระภูมีจึงตรัสว่า "ไม่เห็นแก่ตน ฟ้าดินลงโทษ" แล "รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดคน" หากแต่มีผู้ไปตีความกลายเป็น ความเห็นแก่ตัว และเอาเปรียบผู้อื่นแทนเสียได้
พระภูมีทรงชี้ให้เห็นว่า บาปที่เกิดจากการทำร้ายตนนั้นมหันต์นัก จึงบัญญัติว่า ห้ามคร่าชีวิตตน หรือ อนันตริยกรรม เพราะเป็นบาปที่สาหัส
ด้วยความรู้นี้เอง ทำให้เอกลักษณ์ของสาวกของพระภูมีเด่นชัด คือ เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีโรค และเป็นคนดี มีน้ำใจ เรียกได้ว่าเป็นผู้เจริญนั่นเอง
คนเหล่านี้ได้รับการยอมรับ จนกลายเป็นการแก่งแย่ง อันเป็นที่มาของการที่ผู้หญิงอินเดีย ต้องเป็นฝ่ายไปขอชาย หากแม้นชายนั้นได้ผ่านการอบรมและปฏิบัติตามจนเกิดผล จากพระภูมีแล้ว
เพราะสิ่งหนึ่งที่เชื่อได้ว่า เมื่อผ่านเคราะห์กรรมนี้แล้ว สิ่งนี้จะเป็นบทเรียน และแนวทางปฏิบัติ ให้เดินในทางที่ถูกที่ควร ไม่เป็นภัยแก่ชีวิต และคงไม่กล้าที่จะนำสิ่งผิดไปบอกกล่าวแก่ผู้อื่น ก็ด้วยเนื่องกลัวกรรมที่ทำมันย้อนมา
หากแต่สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ทำไมในอดีตคนที่เลิกยาเสพติดแล้วจึงไม่คิดหวนอีก ผู้ที่คิดหวน ก็มักจะเสียชีวิต ก็ด้วยเหตุที่ว่า "ผู้ไม่รู้ ความผิดก็ไม่ร้ายแร้ง แต่ผู้รู้แล้วยังทำ โทษถึงประหารนั่นเอง"
ใครที่คิดว่า สถานที่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะมีแต่คุณ หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า เขาคิดผิด เพราะพระภูมีสาปธรรมของท่านอันมหาศาลเช่นกัน
ดั่งเช่นในอดีตที่มีพระที่รับงานจากพวกค้ายาเสพติดมาบวชที่ถ้ำกระบอก
แม่ชีเมี้ยนก็ตรัสเตือนให้ลาสึกไปเสียเถิด พระรูปนั้นก็ไม่ยอมสึก
ท้ายที่สุด เมื่อพวกค้ายาเสพติดลงขัน ให้ระเบิดตึกที่สร้างเพื่อรักษาคนไข้ยาเสพติด เมื่อทราบว่า ท่านจำรูญและท่านเจริญ ต้องเดินไปตรวจทุกวันในเวลาเที่ยง
หากแต่ ระเบิดได้ทำงานก่อนเวลา หลังจากตึกถล่ม ได้มีการตรวจตรา ก็พบว่า พระทุกรูปและโยมทุกคนปลอดภัย เว้นเสียแต่พระรูปนั้น ที่นั่งคุกเข่าเสียชีวิต โดยที่บ่าของเขามีคานกดทับอยู่เพียงรูปเดียว
คำที่หลวงพ่อนิพนธ์ชอบกล่าวเป็นทีเล่นทีจริง คือ ไม่ชอบไม่ว่ากัน ชอบแบบไหนก็ไปในทางที่ตนชอบ หากแต่อย่ามาทำลายสถานที่นี้เลย เพราะเป็นที่พึ่งของคนทุกข์ และสร้างคนดี คืนกลับสู่สังคม
เมื่อบุญมันแรง บาปมันก็แรงเป็นทวีคูณเช่นกัน
ด้วยความรู้นี้เอง จึงทำให้คนที่ทำมีพฤติกรรมเหมือนเห็นแก่ตัว เพราะต้องช่วยตนก่อน จึงต้องทนกับเหตุต่างๆ นานา ดั่งเช่นเมื่อครั้งพระโคดม ออกบวชเพื่อช่วยตน จนถูกชาวเมืองด่าและไล่ไม่ให้เข้าเมืองกบิลพัดส์ของพระองค์นั่นเอง