รักษาสมุนไพรอย่างได้ผล โปรดอ่านตรงนี้

มูลนิธิไทยกรุณาเติบโตเร็วมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งจากการบอกปากต่อปาก จากสื่อโทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ที่คุณปรียานุช ปานประดับ บอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวของเธอออกมา เราจึงเป็นห่วงผู้ที่คิดจะเข้ามารักษาที่มูลนิธิไทยกรุณา จะเข้าใจว่ามูลนิธิไทยกรุณา มียาวิเศษ ที่จะช่วยให้หายจากความเจ็บไข้ได้ป่วยได้

เป็นความจริง จากสถิติความสำเร็จของคนไข้ที่มารักษาแบบสมุนไพรของมูลนิธิไทยกรุณา จากที่หมอแผนปัจจุบันไม่รับรักษา แต่กลับออกมาจากมูลนิธิฯ ด้วยหายจากโรคร้าย หรืออาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  แต่ทั้งนี้ ความสำเร็จของการรักษานั้น ขึ้นอยู่กับว่า ท่านปฏิบัติตามคำแนะนำที่หลวงพ่อนิพนธ์ให้ไว้ได้หรือไม่ ท่านมีความเชื่อ ความศรัทธาในการรักษาสมุนไพรจริงจังแค่ไหน ความสำเร็จของการรักษาโรคที่มูลนิธิฯ นี้ มิได้ขึ้นอยู่กับใครอื่นเลย หากแต่ขึ้นอยู่กับท่านเอง ผู้มารักษา และพึ่งพาตนเองเท่านั้น

เราจึงขอแนะนำผู้ที่คิดจะมาเป็นคนไข้ใหม่ของมูลนิธิไทยกรุณา เข้ามาอ่านบทความในบล็อก “ศาลาอโรคยา” ตั้งแต่ต้น แล้วทำความเข้าใจกับบทความต่างๆ เพื่อท่านจะได้นำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้บทความในบล็อกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการนำปาฐกถาของหลวงพ่อนิพนธ์ท่านมาเรียบเรียงให้อ่านและเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

และหากท่านใด ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว หรือการเข้ามารับการรักษา ก็สามารถโพสข้อความถามได้ที่ Facebook page ศาลาอโรคยา (http://www.facebook.com/iGoodHealth) เราจะมีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครของมูลนิธิไทยกรุณา จะเข้ามาช่วยตอบข้อสงสัยของท่าน

สำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านข้อมูลในบล็อกแบบฉาบฉวย และมองว่าเข้าที น่าเข้ามาลองดู หรือมาตามกระแสนิยม แต่ไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติม ไม่ได้อ่านกระทู้เก่าๆ ที่ผ่านมา หรืออ่านแล้วยังไม่เข้าใจดี ผมมองว่าน่าเป็นห่วงครับ โดยเฉพาะคนไข้ที่ไม่สามารถไปรับสมุนไพรได้ด้วยตนเอง แต่ทางญาติเป็นห่วงอยากให้ได้สมุนไพรไปรักษาตัว

เพราะที่มูลนิธิไทยกรุณา ไม่เคยประกาศตนว่ามี “ยาวิเศษ” สามารถรักษาคนให้หายได้ทุกคน “กินปุ๊ปหายปั๊ป”  แต่ในการเข้ามาฟื้นฟูร่างกายด้วยสมุนไพรของมูลนิธิฯ มีเรื่องให้ต้องเรียนรู้มากมาย ทั้งเรื่องการกินสมุนไพรให้ถูกต้อง ทั้งเรื่องการสวดมนต์ ทั้งการฟังปาฐกถาของหลวงพ่อนิพนธ์ให้เข้าใจแล้วนำไปปฏิบัติให้ถูกต้อง ทั้งการใช้ห้องอบสมุนไพร ฯลฯ คือความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถเข้าใจทั้งหมดได้ภายในวันเดียว จึงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้

หลักการฟื้นฟูร่างกายด้วยสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน ใช้หลักของพระพุทธเจ้าคือ “หลักตนพึ่งตน” ถ้าให้คนอื่นทำแทนก็จบกัน แต่ถ้าผู้ป่วยเป็นมากจริงๆ ทางมูลนิธิฯ ก็อนุโลมให้ญาติสามารถมารับสมุนไพรแทนได้ โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ป่วยต้องเป็นมาก ไม่สามารถเดินทางไกลได้ ผู้ที่มาสมัครแทนต้องถ่ายรูปหรือมีเอกสารมายืนยันว่าไม่สามารถมาได้จริงๆ ทางมูลนิธิฯ ก็จะรับพิจารณาและรับไว้เป็นสมาชิกชั่วคราว แต่เมื่อผู้ป่วยทานสมุนไพรไปได้สักระยะแล้วอาการดีขึ้น สุดท้ายแล้วผู้ป่วยก็ต้องเดินทางมารับสมุนไพรด้วยตนเองตามหลัก “ตนพึ่งตน” อยู่ดี

การที่เราเข้ามาทานสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน จากประสบการณ์ของผมเอง ทุกคนที่เข้ามาทานสมุนไพรไม่มีสักคนที่ทานสมุนไพรแล้วอาการของโรคดีวันดีคืน แต่จะต้องเจอกับอาการสมุนไพรคุ้ยโรคออกมา หรือที่เรียกว่าอาการ “ลงแดง” ผู้ที่มารักษาตนเองจะต้องได้รับทุกข์เวทนาทุกคน จะรับนานเท่าไหร่ มากแค่ไหน ก็ขึ้นกับว่า มีกรรมมากน้อยเท่าใด เป็นมานานไหม โรคฝังลึกแค่ไหน

ในระหว่างการรักษาตนเอง บอกได้อย่างเดียวเลยว่า “จะไม่สบายตัวเลย” จนกว่าร่างกายจะปรับธาตุทั้ง 4 ให้สมดุลได้ ผู้ที่มารักษาตนเองจึงต้องมีความ “อดทน” สูงมากๆ และเป็นคน “ชอบการเรียนรู้” แล้วนำไป “ปฏิบัติ” จึงจะประสพผลสำเร็จในการฟื้นฟูร่างกายตนเอง

"สมุนไพร รักษาโรค ธรรม รักษากรรม"  นี่คือหลักที่มูลนิธิไทยกรุณาปฏิบัติใช้อยู่ อ่านและทำความเข้าใจหลักการและคำสอนต่างๆ ของแม่ชีเมี้ยนและหลวงพ่อนิพนธ์ในบล็อกนี้ แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ คือ ความไม่มีโรค อย่างแน่นอน

ขอให้บุญรักษาทุกท่านนะครับ

ปล.  สำหรับคนไข้ใหม่  อ่านตรงนี้ --> สารถึง คนไข้ใหม่มูลนิธิไทยกรุณา