วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

บุญและทาน...รู้ไหมอันไหนจริง?


สิ่งที่คนในประเทศนี้มุ่งมั่นทำทั้งบ้านทั้งเมือง ด้วยเหตุที่อ้างว่า ประเทศนี้เป็นเมืองพุทธ นั่นคือ “บุญและทาน”

เคยมองไปในโลกกว้างแล้วถามไหม แล้วประเทศอื่น ภูมิภาคอื่น ทวีปอื่น ประเทศเหล่านั้นมีบ้างไหม
ก็ถ้าไม่มี แล้วเขาอยู่โดยวิธีใด เมื่อไม่มี ที่สำคัญ คนไร้บุญ ไร้ทาน ไม่แม้กระทั่ง เคยได้ยินคำนี้ น่าจะป่าเถื่อน ไม่เจริญ

แต่มองไปทางไหนรอบประเทศนี้ กลับล้วนแล้วแต่เจริญ บ้างก็ยิ่งเจริญมากกว่าจนไม่น่าเชื่อ

ถึงเวลาหรือยัง ที่ควรหันมามองตน สิ่งที่ตนรู้ว่าทำแล้วเป็นบุญทาน ไม่ว่า เขาเล่าว่า คนนั้นบอก คนนี้บอก นั้น “จริงไหม”

มาวันนี้ ทำไมทำแล้วช่วยตนไม่ได้

คำถามสั้นๆที่ทำให้เราต้องไปหาศาสนา นั่นคือ “บุญทาน” ที่แท้จริง ทำอย่างไร อะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าทำแล้วใช่

บทสรุป แม่ชีเมี้ยน สอนสงฆ์ ชี้ให้เห็นว่า เรื่องของศาสนา เป็นสายกลาง นั่นก็คือ ทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกวรรณะ ล้วนทำได้ ใครฟัง พิจารณา นำไปทำแล้วทำได้ ช่วยตนได้ ที่สำคัญ ยิ่งทำยิ่งเจริญ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้ให้พิจารณา อยากรู้ ว่าทำถูกหรือไม่ “ให้ทำทีละอย่าง แล้วดูผล” อันไหนไม่ใช่ก็ทิ้งไป อันไหนทำแล้วดี ก็ทำต่อ

ประเทศนี้ เอาแต่เขาเล่าว่า เขาบอกว่า ไม่แปลก น้ำส้วมมันจึงเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปได้ 

พุทธ เป็นศาสตร์ เหตุและผล ถามตนสักนิด สิ่งที่ตนเชื่อ รู้ได้อย่างไรว่าถูก เขาว่าเป็นบุญ เป็นทาน ก็แห่กันไป มันจึงตกเป็นเหยื่อของคนโลภ เมื่อก่อนเต็มบ้านเต็มเมือง ตอนนี้ขายไม่ออก ไปโน่นเลย ต่างประเทศ ทัวร์บุญ 

พระพุทธเจ้า คงต้องน้ำตาตก ดีไม่ดี โดนด่าว่า เพราะคนจนคงฟ้องฟ้าว่า บุญท่านต้องบินไปที่โน่นนี่นั่น แล้วคนจนอย่างพวกเขา จะทำโดยวิธีใด ทำไมบัญญัติบุญแบบนี้เล่า ท่านเจ้าขา

ลองถามตนเอง ตกลง บุญทาน ทำอย่างไรแน่ รู้ไหม แลทำแล้ว บุญทาน ได้อะไร

คนไทยอยากสร้างเมืองให้เจริญเหมือนต่างชาติ คนที่ไม่มีบุญทาน มองกลับมา คนที่บอกรู้จักบุญทาน ทำกันทั้งเมือง ดันไม่เจริญ ฤา สิ่งที่เราท่านรู้ เราท่านทำ มันหลงทาง ผลจึงกลับตาลปัตร ไหนว่าเมืองพุทธ ต้องเจริญ เป็นเมืองในฝัน ใครก็อยากอยู่ เป็นเมืองศรีวิไล

แค่ประโยค ทำบุญต้องทำกับพระ ... แค่นี้ก็ขัดกับสายกลางมากโข คนเจ็ดพันล้านคนบนโลก คนที่เจอพระ มีสักเท่าไร คนเหล่านั้น ย่อมไม่มีโอกาสสร้างบุญ จึงไม่แปลก กิจกรรมที่มูลนิธิ คำสอนของท่านอาสิ คนจึงเมิน เพราะมันไม่มีพระ ไม่มีบุญ

หลวงพ่อจึงมักให้สติว่า “ถ้าสิ่งที่บอกที่สอน ทำแล้วไม่มีผล” การเอาคนป่วยมาทรมาน คนสอนต้องรับกรรมอันนั้น แต่สิ่งที่เราท่านเห็น มีคนหาย มีคนประสพผล แล้วจะบอกว่า ไม่มีได้อย่างไร

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ทวนกระแส..สู่“ความไม่มีโรค”


คนทั้งโลก สอนลูกสอนหลานให้เรียนสูงๆ ให้ขยันทำงาน หาเงิน หาความร่ำรวย นั่นเรียกประสพความสำเร็จในชีวิต

หากแต่พระโคดม ผู้ที่มีความสุขมากที่สุดในโลก ทิ้งความร่ำรวย ยศศักดิ์ ลดนิสัย ตัดกิเลส จนพบโมกข์ธรรม

ก็แล้วเราท่าน คนทั้งหลายทั้งปวง บอกอยากมีสุข แต่การกระทำ สอนลูกสอนหลาน มุ่งสู่ทุกข์ เพราะสิ่งแวดล้อม ย่อมเสมือนลมแรง ผู้ใดที่มิเคยฝึกสติธรรม ย่อมพ่ายแพ้โดยง่าย ผลสุดท้าย ย่อมตกในวังวนของทุกข์ในบั้นปลายทุกตัวคน ต้นชีวิตถูกลมพัดหักโค่นลง ยิ่งสูง ยิ่งโลภ ยิ่งโกรธ ยิ่งหลง

คนทุกข์มาหาศาสนา แม้นว่าเริ่มที่อยากได้สมุนไพร ครูบาอาจารย์ สอนความรู้เรื่องศาสนา สอนให้ปฏิบัติ จึงไม่แปลก น้อยคนจะทวนกระแส มาทำ แค่สวดมนต์ ทำตนเป็นจิตอาสา ยังยาก จะให้มาปฏิบัติ ถือสัจจะฝึกตน แล้วไปสอบด้วยธุดงค์ ยากยิ่งกว่าเข็นครกเสียอีก เราจึงไม่แปลกใจ ทำไมหลวงพ่อนิพนธ์จึงมั่นใจว่า ผู้ใดทำได้ ช่วยตนได้ทุกตัวคน เพราะมันทำยาก

บทสรุป คนทั้งหลายเห็นวินัยพระภูมี ใครทำเป็นคนบ้า ไปเดินตากแดดทำไม ทรมานตนทำไม หลวงพ่อนิพนธ์ให้สติว่า ทุกคนล้วนเป็นคนบ้า แต่บ้าอะไรเท่านั้นเอง คนที่มาบ้าตามพระโคดม เดินตามรอยที่แม่ชีเมี้ยนสอน ท่านว่า “ทุกข์วันนี้ สุขวันหน้า” คนมากหลายหัวเราะเยาะ เสียเงิน เสียเวลา แต่เมื่อผลของความบ้าปรากฎ นั่นแหละเป็นบทพิสูจน์ 

ท่านว่า หัวเราะทีหลังดังกว่า เพราะผู้ที่บ้าตามพระโคดม จักมีสุข กินได้ นอนหลับ ได้ลาภอันประเสริฐ คือ “ความไม่มีโรค”

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

หมอเหลือม


ค่ำคืน วันที่ 26 พฤศจิกายน 2485 ท่ามกลางการทิ้งลูกระเบิดในช่วงสงครามโลก ครั้งที่สอง และเกิดน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพ เสียงหวอดังลั่น นางเมี้ยน ปวดท้องจะคลอดลูก จะจุดไฟก็ไม่ได้ เพราะถูกห้าม การไปตามหมอตำแยก็จึงเป็นเรื่องที่ทุลักทุเล ขณะที่รอ ก็มีงูเหลือมตัวเท่าน่องเลื้อยพาดผ่านท้องนางเมี้ยน เด็กชายนิพนธ์ก็คลอดออกมาในวันนั้นเอง 

หลวงพ่อนิพนธ์เล่าย้อนประวัติตนที่มาเกิดจากคำบอกของแม่ชีเมี้ยนว่า แม่ชีเมี้ยนพายเรือไป เห็นดวงวิญญาณดวงหนึ่งเดินมา พิจารณาดูเป็นวิญญาณของทหารเสนารักษ์ ที่กอดกระโดงเรือยอมตายไปพร้อมกับเรือ ที่ถูกระเบิดกำลังจะจม เห็นว่าใจเด็ดและมีจิตเมตตาชอบช่วยคน จึงเก็บมาใส่ท้อง ท่านจึงเป็นลูกที่ไม่เหมือนคนอื่นครั้นถูกแม่ชีเมี้ยนหลอกมาบวช ก็รับคำด้วยเป็นแม่ บอกบวชสัปดาห์เดียวน่ะ เพราะจะไปสอบหมอกับเพื่อนๆ ครั้นพอครบ แม่ชีเมี้ยนก็ให้ต่อไปทีละอาทิตย์ จนในที่สุดท่านก็บอกหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ไปเป็นหมอน่ะ ท่านไม่อาจสมหวังในการช่วยคนได้หรอก แต่ถ้ามาเนียนสมุนไพรกับท่าน นั่นแหละช่วยคนได้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงตกลงบวชต่อเพื่อเรียนสมุนไพร นั่นจึงเป็นที่มา ที่พวกเพื่อนที่ไปเรียนหมอ บอกว่า เราเป็นหมอ แต่นิพนธ์มันเป็นหมอผี

วิชาสมุนไพรที่เรียนจากแม่ชีเมี้ยน นั้นชี้ว่าสมุนไพรเป็นของเป็นมีวิญญาณ ปลุกเสกด้วยนิสัยของพระพุทธเจ้า นั่นทำให้ต้องอาศัยคุณสมบัติของผู้ทานเป็นสำคัญ ใครยิ่งมีนิสัยพระพุทธเจ้ามากเท่าไรสมุนไพรยิ่งมีฤทธิ์มากเท่านั้น ไม่ขึ้นกับปริมาณ 

บทสรุป นี่แลทำไมจึงต้องทำนิสัย แลการทำนิสัยของพระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่าธุดงค์ จึงไม่แปลกหากใครได้เห็นรูปหลวงพ่อนิพนธ์ในยุคนั้น ลูกศิษย์เดินตามยาวเกินกิโลเมตรอีก

เสียดาย วันนี้วันดี ที่ท่านอาสิกำหนดเป็นวันออกธุดงค์ แต่มีไม่กี่คนที่เชื่อว่า โรคเกิดจากกรรม แลต้องล้างด้วยธรรม คือมีนิสัยของพระพุทธเจ้า สร้างให้เกิดในตน ยิ่งมากยิ่งดี ธุดงค์คือการสร้างนิสัยตามรอยพระภูมีที่ยิ่งใหญ่ เขาจึงไม่สน

 
เราเคยเห็นหลวงพ่อนิพนธ์ทำให้ดู รักษาคนป่วยท่านหนึ่ง ท่านบอกเขาโชคดีมาตอนพระธุดงค์ ไม่ต้องให้สมุนไพรทาน ถ้าเชื่อ เดินตามพระ ยกน้ำปูเสื่อ เดินไหวก็เดิน ไม่ไหวนอนในรถ ถึงเวลาพระท่านพักขา ก็คอยปูเสื่อยกน้ำ เขาเชื่อและทำตาม เดินจากศาลาขนมไทย ตามพระทุกวัน จนถึงศรีสวัสดิ์ โรคของเขาก็หายโดยไม่เคยทานสมุนไพรใดๆเลย

น่าเสียดายโอกาสทองอย่างนี้ ไม่เชื่อหรือ มารับสมุนไพรไปทานเป็นปีได้ สู้มาใส่บาตรเดินตามพระในธุดงค์ไม่ได้เลย เพราะคนทำได้ ต้องขันติอดทน มหาศาล ฝืนความอยากของตน ที่ไม่ยอมร้อน ไม่ยอมเหนื่อย อยากจะสนุกครึกครื้นประจำวัน

หมอเหลือมทำคลอดให้ชีวิตเด็กชายนิพนธ์ หลวงพ่อนิพนธ์ทิ้งธรรมและธุดงค์ เพื่อให้ชีวิตคนทุกข์ แต่คนทั้งหลายส่วนใหญ่เขาจะเอาแต่สมุนไพร

เมื่อผลปรากฎ คนเหล่านั้นก็จะรู้ว่า ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะเขาจะเดินไปทางไหน ไปกันอย่างไร ถ้าไม่เอาธรรมของพระภูมี มาทำ รอยที่เดินเดินตามใคร

ธุดงค์นี้แหละที่หมอผี ใช้ช่วยคนมานักต่อนัก

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ทำทำไม



วัตรที่สำคัญประการหนึ่งของถ้ำกระบอก นั่นคือ ธุดงค์

สำคัญไฉน ท่านอาสิชี้ว่า เข้าพรรษาอยู่วัด นั่นเรียนธรรม แต่จะเอามรรคผลนั้นยังไม่ได้ เพราะเหตุมันน้อยหรือไม่มี เมื่อไม่มีเหตุมันจึงหาผลไม่ได้นั่นเอง

การธุดงค์ คือการสอบ นำเอาสิ่งที่เรียนไปทำให้เกิดผล

การมามูลนิธิ ท่านอาสิสอนให้หยุด ลดกิริยา เป็นบุญ ถ้ามองเหตุก็เพียงตนเองนั่นแหละเป็นเหตุ ที่ไม่อยากทำ

ครั้นจะเอาผลเป็นกอบเป็นกำ คงยังไม่ได้เช่นกัน เฉกเช่นเข้าพรรษา โน่นจะเอาผลต้องไปในโลกแห่งตน อยู่ข้างนอกแล้วหยุดได้

เมื่อวันผ่าน แล้วย้อนดูเหตุ ใกล้ตน เอาลอยกระทงนี่แหละ ที่เราท่านฝึกหยุดที่มูลนิธิ มันหยุดความอยาก ความคิด ความเห็น ความจำเป็นของตนลงได้ไหม แล้วถามตนเรามามูลนิธิ เพื่ออะไร “ชีวิต” ที่เราท่านบอกสำคัญที่สุด ก็แล้วทำไมจึงหยุดกิจกรรมอื่นสักปีสองปี มาทำสิ่งทีบอกว่าสำคัญมิได้ ฤาสิ่งเหล่านั้นสำคัญกว่าชีวิต

บทสรุป การฝึกหยุด เจอบททดสอบ ลอยกระทง ใครหยุดมาทำเพื่อชีวิตได้ นั่นแลผลมหาศาลที่ช่วยตนได้ หยุดความอยากไม่ได้เลย ก็จะเอาอะไรไปหยุดกรรม หยุดโรค

ไม่ได้ห้าม ไม่ได้ว่า แต่ก็ทำใจไว้ก่อน ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น สิ่งที่เราท่านสู้ ไม่ธรรมดา คือ “กรรม”

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงมักพูดว่า ตีงูตีให้ตายในคราเดียว อดเปรี้ยวไว้กินหวาน การหยุดความอยากของตน ใครทำได้ ผลตอบแทนค่ามหาศาล คุ้มแสนคุ้ม ที่สำคัญจะได้อยู่ทำสิ่งที่ชอบไปอีกนาน นี่แหละปราชญ์ เลือกเสียน้อย ไม่ลอยสักสองสามปี ได้ลอยอีกนับสิบปี

นี่แลทำไมจึงสอนให้หยุด หยุดความอยากได้ หยุดกรรมได้ หายโรคนั้นแถมให้

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

พระถ้ำกระบอก เป็นพวกนอกรีตจริงหรือ



ชนวนเหตุสำคัญประการหนึ่ง ในยุคต้นของถ้ำกระบอก ที่ทำให้คนบางคนบางกลุ่มไม่พอใจ นั่นก็คือ การไม่ขึ้นกับกรมศาสนา ยิ่งไปกว่านั้น วัตรปฏิบัติของพระ ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ที่ผู้คนได้พบเห็น ล้วนเลื่อมใส ศรัทธา ก่อให้เกิดการหลั่งใหลของผู้คน พระที่เคยบวชเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งๆในยุคนั้น มีผู้คนแห่แหนมาถ้ำกระบอก เป็นเรือนหมื่น ทุกวัน

ถ้ำกระบอก จึงเป็นสำนักสงฆ์ ตลอดมา ไม่อนุญาตให้ตั้งเป็นวัด ตราบจนท่านจำรูญ และท่านเจริญ ละสังขาร

ความเข้มข้น ในพงศาวดารตอนหนึ่ง ที่ถูกเล่าขานมานั่นคือ การจับพระถ้ำกระบอก ไปไว้ที่วัดพระศรีมหาธาตุ ดอนเมือง แล้วตั้งพระระดับสมเด็จ มาสอบ หลวงพ่อนิพนธ์ ที่เป็นตัวแทนพระถ้ำกระบอก

หลวงพ่อนิพนธ์เล่าให้ฟัง ความตอนหนึ่งว่า พระเหล่านั้น แจ้งข้อหา ว่าวัตรปฏิบัติของพระถ้ำกระบอก นั้นเป็นพวกนอกรีต เพราะ “ใช้สัจจะ” ไม่ใช้ศีล หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายแย้งว่า ศีล นั้นเป็นของพราหมณ์ มีมาก่อนพระพุทธเจ้าจะประสูตเสียอีก พระไตรปิฎกที่อ้างกัน ก็เขียนชัด ว่าให้ พ่อและแม่ของท่าน ไปถือศีล เพื่อให้สมปรารถนาในการมีบุตร ใช่หรือไม่


นั่นยังไม่ใช่ประเด็น ที่สำคัญกว่า บุคคลที่รับศีล เมื่อทำไม่ได้ ย่อมผิดข้อมุสาด้วยใช่หรือไม่ คือ พูดแล้วทำไม่ได้ หรือไม่ทำ ก็แล้วมาสอนให้รับศีล ไม่ฆ่าสัตว์ ที่ซึ่งแม้นแต่พระพุทธเจ้ายังทรงทำไม่ได้ แม้นจะทรงมีสติระมัดระวังสักฉันใด เดินทางไปไหน ในอดีต ล้วนต้องเหยียบใบไม้ ก็แล้วใต้ใบไม้มีตัวอะไร สัตว์อะไร ระวังสักฉันใด ก็อาจพลาดเหยียบตายได้ มิผิดศีลไปแล้วหรือ

พระถ้ำกระบอก พิจารณาคำสอนของแม่ชีเมี้ยน ว่า พระพุทธเจ้าใช้ “สัจจะ” คือ พูดและทำในสิ่งที่ตนพอทำได้ แล้วทำตาม แทนที่จะรับศีลไม่ฆ่าสัตว์ที่หาคนทำได้ไม่ มารับเป็นไม่ฆ่าสัตว์ใหญ่ เป็นต้น อันนี้แหละพอทำได้จริง แทนที่จะรับ “ไม่มุสา” ถามหมอสิ วันหนึ่งมุสากี่รอบ ถ้าบอกแล้วคนไข้อาจรับไม่ได้ แต่ถ้าหมอ รับสัจจะ ไม่ติเตียนใคร นี่หมอพอทำได้ ที่ซึ่งพระเห็นพ้องกันว่า เป็นสิ่งที่ตนพอทำได้ และน่าจะเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า มากกว่าด้วยเหตุว่า พิจารณาผลแห่งการกระทำ ถ้าทำได้ ลดนิสัยของตนลงได้จริง

การยกอดีตมาเล่านี้ ไม่ได้มุ่งหมายจะ ขัดแย้ง โต้แย้ง หรือ ว่าคำสอนใดถูกผิด เพียงแต่ชี้ให้เห็นว่า ทำไมพระถ้ำกระบอก จึงทำเช่นนั้น ส่วนท่านใดจะเลือกทำแบบไหน ชอบแบบไหน ก็ทำกันไป

นี่แล จึงเป็นที่มา ว่า ทำไมการมามูลนิธิครูบาอาจารย์ท่านอาสิ จึงสอนให้สร้างบุญ ด้วยการทำสัจจะ เพราะเชื่อว่า “การลดนิสัยตน แล้วมาใช้นิสัยของพระพุทธเจ้า บางสิ่งบางอย่าง เมื่อพูด แล้วทำได้ นั่นเป็นบุญ” การสวดมนต์ จึงเริ่มที่กล่าว ให้คำสัญญา มีดินฟ้าอากาศ เป็นพยาน เมื่อพูดแล้วทำ เมื่อทำได้ เกิดเป็นบุญ จึงเอามาช่วยตนได้ อุทิศได้ ปลุกเสกสมุนไพรของตนได้

ใครจะว่านอกรีต ไม่เป็นไร หลวงพ่อนิพนธ์บอก “ให้ดูผล” ก็ในเม้่อทำแล้วเกิดผล ช่วยตนได้ จะบอกว่าไม่ดีได้อย่างไร เมื่อดีแล้วควรหรือไม่ที่จะทำต่อ รักษาสิ่งดีๆไว้กับตน

บทสรุป ศาสตร์พระภูมี มีอ้างเอ่ยมากมาย จนหาแก่นให้พบ นั้นยาก แต่ศาสตร์นี้เป็นหลักปราชญ์ ของปลอมจะปลอมเนียนเสิ่นเจิ้นสักฉันใด แม่ชีเมี้ยนชี้ “ให้ดูที่ผล ใช่กับตนได้” นั่นแหละของจริง

หลายคน ถามว่า สมุนไพรที่ทาน ทานมานานแล้ว แรกๆก็ดี หลายปีเข้า ตอนนี้เริ่มจะเอาไม่อยู่ ปัญหานี้เราเคยถามหลวงพ่อนิพนธ์ ท่านตอบให้พิจารณาว่า “สมุนไพรนั่นแค่มัมมี่ จะมีฤทธิ์ก็จำกัด ต้องปลุกเสกด้วยบุญญาธิการที่ตนทำ ทำได้แค่ไหน มีฤทธิ์เท่านั้น” นี่แลทำไมศาสตร์นี้ไม่กลัวคนขโมยสมุนไพร เพราะเอาไปก็ไร้ผล ด้วยต้องใช้ “ธรรม” นำหน้า





นี่แลทำไมต้องมาหาศาสนา มารับสัจจะ เพราะคำที่ไม่มีหาไม่ได้ในโลกคำเดียว นั่น คือ “บุญ” ที่ใครมีช่วยตนพ้นทุกข์ได้




จะทำแบบไหนก็ไม่ว่ากัน จะบอกว่าคำสอนนี้ผิด ก็น้อมรับ หนังนี้เป็นหนังยาว ไม่รู้ก็ถอยออกไป ยืนดูศาสนา เมื่อวันเวลา ถึงก็รู้เอง รอพระพุทธเจ้าอุบัติในพม่า นั่นแหละของจริงปรากฎ ก็จะรู้ว่าคำสอนแม่ชีเมี้ยน ถูกหรือผิด นอกรีตหรือไม่

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ไม้ตาย ในโลกแห่งความจริงของชีวิต


ตอนเด็กๆเราชอบดูหนังจีน หนังการ์ตูนตูนญี่ปุ่น ที่ชอบและมักจดจำมาเล่นกับเพื่อนๆ ที่เรียกว่า “ท่าไม้ตาย” ที่ฝ่ายพระเอกใช้ปุ๊บชนะผู้ร้ายทุกทีนั่นเอง แล้วพอมาเล่นกับเพื่อน ทะเลาะกันประจำ เพราะต่างคนต่างใช้ แล้วต่างคนก็ไม่ยอมตาย นั่นเอง ดีแต่ว่า เถียงกันไปแล้วก็ลืม พรุ่งนี้ก็เล่นใหม่ เถียงกันใหม่

มาวันนี้ในโลกแห่งความจริงของชีวิต ที่การต่อสู้กับโรค หนทางมันเปลี่ยนไป ทั้งกรรมและธรรม ไม่มีใครคิดว่า ล้วนมีท่าไม้ตายของตนเอง ที่ไร้เทียมทาน เดิมพันกันด้วยชีวิต คือ ไม่รอด ก็ตาย ตายแล้วเอาใหม่แบบตอนเด็กๆไม่ได้แล้ว

เมื่อวิทยาการของโลกเจริญรุดหน้า แทบจะทุกตัวคนเชื่อมั่นว่า ทุกความฝันสามารถเป็นจริงได้ โดยเฉพาะการรักษาโรค ที่ทุกวันนี้ สามารถวิเคราะห์ได้ถึงระดับ โครโมโซม หรือ ดีเอ็นเอ อันเป็นรหัสพันธุกรรม สามารถตัดต่อยีน ที่มักจะเห็นกระทำในพืช เอายีนด้อยออก เอายีนเด่นใส่เข้าไป ที่เรียก พืช GMO ยิ่งทำให้เชื่อว่า ในอนาคตอันใกล้ มนุษย์จะมีชีวิตยืนยาว เพราะจะรักษาได้ทุกโรค ปลูกถ่ายอวัยวะได้ หรือฝันไปจนถึงการเป็นอมตะ ไปโน่นเลย

พูดฟังง่ายก็คือ จะมียารักษาโรค ได้ทุกโรคนั่นเอง

แต่มนุษย์ลืมไป หรือไม่เชื่อ สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส “มนุษย์มีกรรมเป็นนาย” หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า “ความคิดมนุษย์จึงเหนือกรรมเป็นไปไม่ได้” แปลความให้ฟังว่า เมื่อมนุษย์ท้าทายกรรม คิดว่าตนเหนือ โรคอะไร ก็คิดค้นยามาต่อสู้ ซึ่งแรกๆก็ดูดี โรคนั้นได้ โรคนี้ได้ ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ แต่วันหนึ่ง กรรม ก็จะใช้ท่าไม้ตาย เหมือนหนังจีน คือ “ใช้แบบเดียวกันคืนกลับมา” นั่นคือ “การดื้อยา” มาทำลายมนุษย์นั่นเอง

แล้วมาดูกันว่า สถิติ ที่คนตายด้วยโรคในวันนี้ ไม่ว่ามะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ...ที่ว่าแน่สูงลิ่วในไม่ช้า จะถูกทำลายลงแบบราบคาบ ด้วยโรค “ดื้อยา” นี้เอง ที่จะมาทำลายความเชื่อมั่นของมนุษย์ ว่าจะมียารักษาโรค ทีนี้จะทำอย่างไร เป็นโรคจะทานยาหนีโรค แต่ก็แพ้ยาที่ทาน ตายด้วยยาแทน

บทสรุป แม่ชีเมี้ยน จึงชี้ว่า ศาสนามีไม้ตาย แก้ได้ทุกโรค นั่นคือ “ธรรม” ที่ซึ่งมีอำนาจเหนือกรรม เหนือโรค ผู้ใดได้ฟัง เอาไปพิจารณา เชื่อแล้วทำตาม ทำได้หายได้ทุกโรค

ประเด็นก็คือ ที่ไหนที่มีธรรม ที่มีอำนาจ ทำตามแล้วชนะกรรมได้

เพราะมนุษย์ทุกวันนี้ ถูกคนโลภหลอก เอาศาสนาหากิน บอกที่นี่มีธรรม ที่นี่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เต็มบ้านเต็มเมือง เต็มโลก แทบจะเรียกว่า ในตำบลหนึ่งๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เดินชนกันตาย เกลื่อนไปหมด ไม่เชื่อลองพิจารณารอบๆ บ้านท่านสิ

แม่ชีเมี้ยนตรัสชี้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง ไม่มีตัวไม่มีตน ผลก็คือ สิ่งมี่ตนเชื่อ ตนทำ มันจึงไม่มีผลตอบแทน ช่วยตนไม่ได้ ก็แล้วที่ขอแล้วได้ในอดีตหล่ะ แม่ชีเมี้ยนชี้ว่า นั่นกรรมดีที่ทำมามันส่งผล แล้วเราท่านก็เออออคิดไปเอง ว่าสิ่งที่ตนเชื่อ ตนนับถือ นั้นดลบันดาล

หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้พิจารณาว่า หากไม่ถึงที่ตาย จะกินยาชุดละหมื่น หรือยาหมอตี๋ ชุดละสองบาท มันก็หายเหมือนกัน เมื่อหมดปล้องกรรม แต่เราท่านไปเชื่อเอง ว่าหมอเก่ง ยาดี ครั้นเจอของจริง ก็จะพบความจริงว่า ช่วยตนไม่ได้ กว่าจะรู้ ก็อาจสายเกินไปแล้ว เสียเงินพอว่า เสียชีวิตไปด้วยความไม่รู้ หรือเชื่อผิด

ไม่ต่างอะไรกับหมอสมุนไพร ที่หากินกันมากมาย อ้างสรรพคุณโน่นนี่นั่น เอาคนนั้นมาให้ดูกินแล้วหาย โอ้โหแค่ไม่นาน โรคที่เป็นหายเป็นปลิดทิ้ง ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ โม้มากมาย แต่ท้ายที่สุด ต้องแอบพูดเบาๆ ไม่มีสรรพคุณทางการรักษาโรค ให้ทานควบคู่กับยาหมอ นี่เรียกตีเนียน คือ หากมึงตาย กูก็พ้นผิด พิสูจน์ไม่ได้

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชี้ว่า ท่าไม้ตายของศาสนา ในเรื่องศาสตร์สมุนไพร ดูที่ “ยาตา” จะบอกว่าสมุนไพรของตนแน่ ลองทำยาตามาหยอดให้คนทุกคนดูสิ เพราะตา เป็นอวัยะที่บอบบาง เรียกว่า หากผิดนิดเดียว ตาก็บอดโดยง่าย หรือสถานเบา ตาก็แดง อักเสบ หยอดปุ๊บเห็นผลปั๊บ ดูตัวอย่างน้ำหมักที่คนเชื่อ เอามาหยอดสิ หรือไม่ก็เลี่ยงบาลี ทำสมุนไพรกินบำรุงสายตาแทน

ท้ายที่สุด หลวงพ่อนิพนธ์ จึงมักให้สติว่า การฟื้นฟูตนที่ให้ผลชงัดนั่นจึงต้องใช้ “ธรรมนำหน้า สมุนไพรเดินตาม” ใครที่ว่ามันแน่ ชนะกรรมชนะโรคได้ ก็ให้เขาคุยไปโม้ไป มียาดี รักษาทุกโรค พูดกันไป ศาสตร์ของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา บอกเสมอ ช่วยใครไม่ได้ แต่มีธรรมคำสอน และสมุนไพร ที่ใครมาฟัง พิจารณา เชื่อ แล้วทำตาม ใครทำได้ ช่วยตนพ้นโรคได้ทุกโรค

แล้วท่านแน่มาจากไหน มาแล้วไม่ฟัง หลวงพ่อนิพนธ์มักพูดเล่นว่า คิดว่าตนแน่กว่ากรรม ประมาทกรรม ก็เล่นไปคนเดียวเถิด คนที่จะชนะกรรม เขาเดินตามพระพุทธเจ้า คือ “กลัวกรรม” ก็ถ้าความคิดความเห็นของตนดี ช่วยตนได้ เหมือนทำตนน้ำเต็มแก้ว มาที่นี่ จะเอาสมุนไพร ... จะเดินไปทางไหน ชนะกรรม ชนะโรคโดยวิธีใด ที่นี่ไม่เล่นด้วย ไม่เป็นเชลยใคร ถึงเวลา จะมาบอก ไหนบอกสมุนไพรแม่ชีเมี้ยนดี ทำไมช่วยไม่ได้ ... ดีน่ะดีจริง ช่วยน่ะช่วยได้ แต่เฉพาะคนที่ฟัง แล้วทำได้

ใครเมื่อเดินถึงท่าไม้ตายของกรรม ทีนี้ก็ใบ้กิน ทานยาก็ไม่ได้ นั่นทางตันแล้ว

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

“ไม่เจอธรรม” ทำเสียเปล่า "ไม่ได้ทำธรรม” ก็มีแต่ลม


นั่งนิ่งๆ ทำใจให้สงบ แล้วทบทวนพฤติกรรมแห่งตนที่ผ่านมา ที่หลายคนบอกว่า ฉันทำบุญทำทานมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก จำความได้ มากจนจำไม่ได้ว่า ตนเองไปวัด ไปสำนักปฏิบัติธรรม กี่วัด กี่หน นั้น... ไปทำไม เพราะอะไรจึงไป ไปแล้วทำอะไร

สมัยเรายังเล็ก วัดของเราที่จะทำให้อยากไป คือ งานวัด มีหนังกลางแปลงให้ดู มีดนตรีลูกทุ่ง ที่คอยฟังเขาคุยกัน ว่าคืนนี้เก็บค่าตั๋วกี่แสน มีขนมที่หากินไม่ได้ยามปกติ มีการแสดงที่ชอบมาก คือ อับดุล ที่มักจะจบด้วยการขายพระ

โตมาหน่อย ตรุษจีน เขาบอกว่า ต้องปิดทอง 7 วัด เพื่อนๆก็รวมกลุ่มชวนกันไป

ส่วนที่นับครั้งได้ ก็ตามแม่ไป เอาของไปถวายวัดในป่า ที่คนมักไปไม่ถึง ถนนหนทางไม่สะดวก พระจะบิณฑบาต ก็ไกลหมู่บ้านนัก

แต่ตั้งแต่จำความได้ รู้แต่ว่าไม่ว่าไปวัดใด ไม่เคยเจอเจ้าอาวาสสักครั้ง จะเห็นก็แต่พระมานั่ง พรมน้ำมนต์ รอถวายสังฆทาน เท่านั้นเอง

หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เราพิจารณา อะไรคือ สุดยอดของวัด นั่นคือ “พระธรรมคำสอน” ที่ควรไปฟัง เอามาพิจารณา แล้วปฏิบัติ เพื่อช่วยตน

ท่านจึงชี้ว่า เมื่อวัดไม่มีธรรม ที่ทำแล้วช่วยตนได้ ผลสุดท้ายจึงต้องพึ่งวัตถุพิธีกรรม ดังที่ปรากฎทุกวันนี้ โบสถ์ร้อยล้าน พระพุทธรูป ใหญ่ที่สุดในโลก พิธีสะเดาะเคราะห์ แจกตะกรุด ผ้ายันต์ ไปจนกระทั่ง เครื่องรางของขลัง เช่าพระ ใบ้หวย
ที่สำคัญยุคนี้ ชวนให้มาขออย่างเดียว กลัวไม่มา ต้องมีพระทันใจ แบบว่า ขอปุ๊บได้ปั๊บ

มันจึงไม่แปลก ที่สิ่งที่ตนทำมานั้น เมื่อยามทุกข์มาอุบัติ ไม่ว่ารูปใด หรือเป็นโรค หาผลจากสิ่งที่ทำมาช่วยตนไม่ได้เลย

บทสรุป ทำไมหลวงพ่อนิพนธ์จึงบอก ท่านไม่กลัวโรค จะเป็นโรค ไรก็ไม่กลัวหนักแค่ไหนก็ช่าง เพราะเชื่อว่า “ธรรมชนะกรรม” แลธรรมของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เป็นของจริง ผู้ใดทำได้ช่วยตนได้ ด้วยพิสูจน์มาแต่ครั้งถ้ำกระบอกแล้วนั่นเอง

นั่นคือ สิ่งที่เราท่านควรคิด การมาหาแม่ชีเมี้ยน ควรได้อะไร สมุนไพร ได้เพื่อนคุย ได้ซื้อของถูก ได้... ล้วนแล้วแต่ไร้ค่า หากแม้นปราศจากการได้ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์ แล้วเก็บมาพิจารณา และทำเพื่อช่วยตน

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เพราะสมุนไพร หรือสิ่งอื่นใด อยู่กับเรา ให้สุขเราชั่วครู่ชั่วยาม เอาติดตัวติดวิญญาณไปไม่ได้ นั่นเอง

น่าเสียดาย จิตอาสาหลายคน หลงทาง เอาแต่ทาน คือการสละแรงกาย ผลทานนั้นกินแป๊บเดียวก็หมด ผลแห่งธรรมต่างหาก ที่ถ้าผู้ใดทำจนเป็นนิสัย สร้างผลบุญแก่ตน ติดวิญญาณ กินไปทุกภพทุกชาติไม่มีหมด จึงไม่ฟังคำสอนของท่านอาสิ เพื่อเก็บมาทำช่วยตน พอใจกับทานที่ตนทำ และคิดว่าดีแล้ว พอแล้ว

จึงอยากยกคำเตือนสติของหลวงพ่อนิพนธ์ที่ว่า “มาวัด มาฟังธรรม มาฝึกปฏิบัติ เอาไปช่วยตน” นอกนั้นเป็นของแถม

ถ้าไปแล้ว “ไม่เจอธรรม” ไปเสียเปล่า ยิ่ง”ไม่ได้ทำธรรม” บุญทานที่นั่งรอ ก็มีแต่ลม

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ทำกับ เลิกทำ


หลักพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หลวงพ่อนิพนธ์พูดเสมอ มันฝืนนิสัยคน คนไม่คุ้นชิน จึงไม่แปลก ไม่ว่ายุคสมัยของพระพุทธเจ้าองค์ใด คนชอบมีมากมายแต่คนทำได้มีน้อย

บทเริ่ม หลายคนเจอเข้าก็หงายเก๋ง ด้วยคำที่ว่า “อยากได้ต้องทำเอง หรือ ใครทำใครได้” มิแปลกใจเลยที่ฟังเสียงบ่นเสียงด่าจนชินชา คนป่วยก็แย่อยู่แล้ว ดันเสือกต้องให้มาเอง มาแล้วแทนที่จะรีบแจก ดึงไว้ขายของหละสิ แทนที่จะแจกเยอะให้นิดเดียว ไม่รู้หรือว่าคนเขาเสียค่ารถ ค่ารามา งานการก็ไม่ได้ทำ ... มากมายคณานับ ฟังมาเยอะ แลเลยไปแม้กระทั่ง จะให้เขามากันทำไม ไหนบอกว่าแจกฟรี ก็บอกสูตรให้ไปทำกินเองเลยสิ

แค่การมาก็สร้างปัญหาให้คนเหล่านั้นมหาศาล แต่ถ้าไปหาหมอ ไม่เคยบ่น ไปหาหวย แค่ไหนไกลสักเท่าไร ก็ไปได้ นี่มาหาชีวิตน่ะ ไหนบอกชีวิตสำคัญ ก็คนที่เคยไปหาก่อนหน้า เขาช่วยไม่ได้ใช่ไหม แต่เขาบอกอย่างไรก็ทำตามทุกกระเบียด พอมามูลนิธิ ทำแล้วช่วยตนได้ กลับมีเงื่อนไข มีโน่นนี่นั่น นี่แหละอำนาจกรรม หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักบอก คนพวกนี้เหมือนผีสิง จะเข้าเขตวัด ผีในตัวมันกลัว เพราะถ้าเข้ามาได้มันก็อยู่ไม่ได้ ต้องไป จึงสร้างความเห็นความจำเป็น จะได้ไม่มา

ครั้นผ่านด่านการเข้ามาแล้ว หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า เคยถามตัวเองไหม ที่มามาหาใคร หาแม่ชีเมี้ยน ใช่ไหม ท่านก็ยินดีต้อนรับ ให้โอกาสทุกตัวคน มาเรียนคำสอน มารับสมุนไพร ไว้ช่วยตน ไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยไล่ แต่พอมานานเข้า คนส่วนใหญ่ก็ลืม ว่าที่ตนมา มาทำไม มาทำอะไร อำนาจกรรมจึงมีช่อง อาศัยนิสัยตน ของคนเหล่านั้น ฟังเสียงคนนั้น ดูคนโน้น แล้ววิพากษ์วิจารณ์ ในที่สุด เกิดความคิด ความเห็น แล้วก็เบื่อ โทษคนนั้น คนนี้ พากายตนกลับออกไป ไม่คิดเลยว่านั่น กรรมของตนทำมา อาศัยคนผู้นั้น นิสัยแบบนั้น ย้อนมายังตน ท้ายที่สุด อุตส่าห์มาถึง ก็ต้องหลุดออกไป

รวมไปถึง คนที่ขาดพิจารณา ทานสมุนไพรไปเกิดอาการของโรค ที่สมุนไพรคุ้ยเขี่ย เพื่อฟื้นฟู ก็โทษสมุนไพร ทิ้งไปก็มีเยอะ

บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่สำคัญ คือการฟัง แล้วพิจารณา ให้เกิดความเข้าใจ ที่ถูกต้อง ว่าเรานั้น “สู้กับกรรม ไม่ใช่โรค” การจะมาหรือยืนระยะ ใช้หลักเหตุหลักผล มาหาแม่ชีเมี้ยน เป็นเรื่อง “หนึ่งต่อหนึ่ง” คนอื่นไม่เกี่ยว ช่วยตนของเราไม่ได้ ไม่ควรมาดู มาฟังผู้อื่น อันเปิดช่องให้กรรม ทำให้เกิดความคิดความเห็น มาเพื่อดับทุกข์ จะไปก็เมื่อทุกข์ดับ อย่าไปหรือมา ด้วยคนนั้นคนนี้ หนทางประสพผลจะห่างไกล หรือเป็นไปได้ยาก ไม่ชอบคนนั้นกูไปแล้ว ไม่ถูกชะตาคนนี้ กูไม่มาแล้ว

หลวงพ่อนิพนธ์จึงให้สติ พิจารณาน่ะ “เวลาเจ็บ เจ็บคนเดียว เวลาตาย ตายคนเดียว ผู้อื่นมาทำให้ไม่ได้ จะมาทำลายเราก็ไม่ได้ นอกจากตัวของเราเอง”

หลายคนโทษคนนั้น คนนี้ แท้ที่จริง ตนของตนนั่นแหละ ทำลายตนเอง การกระทำของผู้อื่น เขาทำเขาก็ได้ เจ้าหน้าที่บางคน หลายคนบอกปากหมา สันดานต่ำ เขียนโพสต์ด่ากัน นั่นเขาทำเขาได้ แต่เราท่านทำอะไร นั่นเราท่านได้ มาหาแม่ชีเมี้ยน แต่กลับไปฟังผู้อื่นแล้วไม่มา นั่นตนทำตนเอง แต่กลับโทษแม่ชีเมี้ยน บอกที่นี่ไม่ดี จะถูกหรือ

ที่สำคัญ ไม่เชื่อหรือ เราท่านก็มีกรรม เจ้าหน้าที่ก็มีกรรม .... มาวัด เขาเรียกเขตอภัยทาน ด้วยรู้ว่าต่างคนต่างมีกรรม หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนให้เอาเมตตา ให้อภัยเป็นที่ตั้ง เมื่อไม่ทำตามคำสอน จึงด่ากันไปด่ากันมา จะกราบแม่ชีเมี้ยนสักฉันใด ก็ไร้ผล เพราะขาดตนทำ ไม่มีสติลดกิริยาของตนเลยแม้นแต่สักน้อย ช้าเร็ว ก็หลุดลอยตามกระแสกรรม หาผลไม่ได้ทั้งสองฝ่าย

แม่ชีเมี้ยนจึงตรัสชี้ว่า “ธรรมยุคนี้ เป็นธรรมสามัคคี ต้องช่วยกันจึงประสพผล” ถ้าสองฝ่าย ตั้งอยู่บนคำสอนนี้ ฝ่ายหนึ่งขาดสติ อีกฝ่ายก็หยุด นั่นคือรอดทั้งคู่ แต่ถ้าทั้งสองฝ่าย จ้องแต่มองมึงนั่นแหละผิด ก็ฉิบหายทั้งคู่นั่นแหละ นี่แลหลวงพ่อนิพนธ์จึงพูดสอนเสมอ มาที่นี่ อย่าด่ากันน่ะ ให้อภัยกัน ช่วยกัน ให้สุขแก่กัน ที่ท่านอาสิชอบยกมาพูด

จะปฏิเสธสักฉันใด ถ้าคนผู้หนึ่ง ต้องออกจากศาสนา หรือเข้ามาไม่ได้ ด้วยคำแห่งเรา แล้วตายไป ว่าเราไม่เกี่ยว คงหนีไม่พ้นกรรมอันนี้แน่ ...

จะเอาแต่ชอบ ที่ช่วยคน แล้วปฏิเสธ ที่ฆ่าคน เป็นไปไม่ได้ นี่แลแผ่นดินศาสนา ทำถูกผลถูกก็มหาศาล ทำผิดก็ทวีคูณ เห็นคนทำผิด

หลวงพ่อนิพนธ์จึงว่า ควรที่จะสงสารคนผู้นั้น ที่โง่เขลา เบาปัญญา แผ่นดินนี้ควรมาเพื่อทำถูก ทำตามคำสอน ส่วนทำผิด ควรไปทำที่อื่นดีเสียกว่า

ทำหนึ่งก็ผิดหนึ่ง จะมาทำผิดหนึ่งได้ผิดร้อยในแผ่นดินศาสนา ตามนิสัยตนนั้นไม่ควร แต่ก็ต้องทำใจ พุทธประวัติว่าไว้ มีคนกล้า คนไม่กลัวกรรม พวกเทวทัตนั่นไง เราท่านเจอ ก็ควรอุเบกขา

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เรื่องน่าฉงน


ในโลกธุรกิจ เมื่อคนผู้หนึ่งทำกิจการใดๆ ย่อมต้องลองผิดลองถูกเป็นธรรมดา ผลแห่งการทำสิ่งใดผิด ทำแล้วขาดทุน หรือไม่มีกำไร ย่อมต้องปรับเปลี่ยนหนทางใหม่ ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอหนทางที่ใช่ คือ มีกำไร อยู่ได้ เมื่อเจอแล้วคนทั้งหลายก็มักพยายามขยายกิจการนั้นๆ เพื่อพอกพูนกำไร เห็นจนชินตา

กว่าจะถึงวันนั้น เจอสิ่งที่ใช่ ย่อมสามารถนำมาเล่าขานให้คนรุ่นหลังได้ว่า ผ่านความยากลำบาก ล้มลุกกี่ครั้งกี่หน กว่าจะมีวันนี้ และก็คงไม่มีใครที่จะทิ้งหนทางทำกินที่ดี กลับไปเดินทางเก่าอย่างแน่นอน

เมื่อหันกลับมามอง กิจการชีวิต ก็คงไม่แตกต่างกัน ทุกคนอยากมีสุข มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยไข้ จนไม่สามารถช่วยตนหรือทำอะไรได้ ทุกตัวคน ทุกคนจึงหาหนทางให้กิจการชีวิตของตนมั่นคงที่สุด เท่าที่จะทำได้ อาทิ กินดี อยู่ดี ออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพ หาซื้อโน่นนี่นั่นที่เขาว่าดีมีประโยชน์มาทาน หากแต่คนทั้งหลาย ก็ยากที่จะทำให้กิจการของตนประสพผล หนีเจ็บ หนีป่วย หนีทุกข์ไม่พ้น จะเอาสิ่งใดมาช่วยฟื้นกิจการ ยิ่งทุ่มยิ่งใส่ลงไป อาจจะยิ่งล้มเหลว ถึงกับฉิบหาย ครอบครัวเป็นหนี้ ก็มีให้เห็นมากมาย บางทีครอบครัวอาจต้องแตก หลายคนถูก ทอดทิ้ง บ้างทำใจไม่ได้ก็ฆ่าตัวตาย

คนกลุ่มหนึ่ง เลือกมาฟื้นฟูด้วยศาสตร์สมุนไพรของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ที่ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์ชี้หนทางในการฟื้นฟูกิจการชีวิตของตน สิ่งที่ทุกคนทำ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ แต่เพื่อชีวิตก็ทำตาม แลคนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดว่า ตนนั้นเสีย เสียเวลา เสียรายได้ เสียค่าเดินทาง เสียโน่นนี่นั่น อยู่ในใจเป็นธรรมดา

แต่เมื่อทำตาม ยืนระยะได้ เกิดผลตอบแทน กิจการของชีวิต ที่ตกอับถูกรุมเร้าด้วยโรคทั้งหลายทั้งปวง เริ่มคลี่คลาย บ้างก็หายไป

ความคิดถึงการสูญเสีย จะกลับมามีพลังแรงขึ้นเป็นทวีคูณ

หลวงพ่อนิพนธ์มักให้สติว่า ถ้าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเราท่านคือชีวิต การทำสิ่งใดตามคำสอนแล้วเกิดผลดีต่อชีวิต ก็ควรทำต่อไป รักษาไว้ หรือทำให้ดียิ่งขึ้น ชีวิตจะได้ ปลอดโรค และ ปลอดภัย

แต่สิ่งที่น่าฉงน หลายคนเมื่อทำตาม สภาพชีวิตดีขึ้น กลับทำตรงข้าม นั่นคือ ลดทอนการทำกิจกรรมความดีที่ช่วยตนลง หันกลับไปทุ่มเทกิจการ ที่ทำลายชีวิตอีกซะงั้น จึงไม่แปลก ที่เห็นบางคน มาแรกๆ อาการสาหัส บอกให้มาสองวัน ทั้งพฤหัสและอาทิตย์ ก็มาได้ แม้นจะบอกว่าให้ไปพักอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมแม่ชีเมี้ยนก็ยอม วันเวลาผ่านไป สภาพเริ่มดีขึ้น นั่นเจอหนทางที่ดี กิจการที่ทำแล้วชีวิตดีขึ้น แทนที่จะมุ่งมั่นทำ หรือรักษาไว้ เปล่าเลย ค่อยๆลดลง ห่างไปเรื่อยหรือทิ้งหน้าตาเฉย

บทสรุป นี่แหละเป็นบทพิสูจน์ ว่าคนทั้งหลายไม่เชื่อกรรม เขาจึงคิดว่า หายในวันนี้ กูก็กลับไปลั้นลาทำที่ตนอยาก หาเงิน หาทอง ไม่สนกิจการชีวิตอีก เพราะเชื่อว่าหายแล้วจะไม่มีอะไรมาแผ่วพานอีก ไม่ต้องมาทนสวดมนต์ ทนทำสุขให้ผู้อื่นอีก ไม่เชื่อว่าตนจะมีกรรมรออยู่อีก แต่รุ่นพี่ๆทั้งหลายก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ชีวิตตนหาใช่ดาวค้างฟ้าไม่ เป็นเพียงพลุส่องแสง วันใดที่ผลความดีที่ตนทำหมด พลุนั้นก็ร่วง ชีวิตตนก็อับเฉาอีก

เรื่องน่าฉงน จึงเป็นคำถาม ก็ไหนบอกว่าชีวิตสำคัญที่สุด เจอหนทางบุญ ทำแล้วช่วยตนได้ เจอะเจอกับตัว เกิดกับตัว แต่กลับไม่เอาไปใช้ ไม่อยากทำ ทิ้งหน้าตาเฉย นี่กรรมอะไรเล่า เบาปัญญา น่าใจหาย

ดูรึ เวลาไปกินเหล้า เมายา เล่นการพนัน ดูหนัง ดูละคร หรือเบียดเบียนผู้อื่น นั่นกรรมชัดๆ แต่เต็มใจ รื่นเริง บันเทิงใจ แต่พอจะมาทำธรรม โอยไม่ไหว นั่งนานไม่ได้ ไม่มีแรง บอกเพลีย จะปลอกมะกรูดลูก ให้ผู้อื่นยังไม่ได้เลย ไม่ไหว. ฉงนยิ่งนัก ไหนบอกอยากสุข ทางสุขที่แม่ชีเมี้ยนชี้ ไม่เอา ไม่ทำ แล้วจะสุขโดยวิธีใด นั่งร้องขอพร ขอสุข แล้วจะได้กระนั้นหรือ ไม่มีทาง

หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวเสมอ “ถ้าแผ่นดินนี้ช่วยไม่ได้ ก็ไม่มีแผ่นดินใด ยาใด พรใด ช่วยท่านได้อย่างแน่นอน”

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

กรรมมีจริง ท่านตายแล้วต้องเกิด


ไม่แปลกใจที่คนส่วนใหญ่ มักทำตามนิสัยตน ไม่ว่าใครก็ห้ามไม่ได้ ฉุดไม่อยู่ เราจึงได้ยินคำพูดเหล่านี้เสมอ “ไม่ต้องมายุ่งกับผม เรื่องของฉัน คนอื่นไม่เกี่ยว กูเลือกทางเดินของกูเอง”

หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้พิจารณา ความเป็นจริง ทำไมคนอื่นต้องเกี่ยว เพราะเราท่านไม่ได้เกิดมาเอง ล้วนมีพ่อมีแม่ ไม่ได้เกิดมาก็ช่วยตนเองได้ ย่อมต้องมีผู้อุปการะอุปถัมภ์มาทั้งสิ้น ที่สำคัญ การกระทำของตนมาจนถึงวันนี้ ล้วนก่อให้เกิดเจ้ากรรมนายเวร มากมายมหาศาล นี่แลทำไมคนจึงเป็นสัตว์สังคม ศาสนาชี้ก็เพราะผูกกรรมกันมา

จุดใหญ่ใจความสำคัญ ที่คนมาหาศาสนา ก็เพราะต้องเกิดนี่เอง ถ้าตายแล้วจบ จะมีศาสนาไปทำไม เล่นบรรเลงไปตามนิสัยสันดานแห่งตน ถ้าต้องทุกข์ในวันนี้ ไม่ชอบชีวิตในวันนี้ ก็จบชีวิตตน ไม่ต้องทุกข์ แล้วๆ กันไป

แต่ศาสนาชี้ว่า มันไม่จบ มันต้องเกิด เกิดมารับผลกรรมที่ทำมา ไม่ว่าดีหรือชั่ว ทุกตัวคน ประเด็นก็คือ แล้วเอาอะไรไปได้บ้าง อะไรที่เป็นของเรา ถ้าอยากมีสุข ทุกภพชาติ หรือมีทุกข์น้อยๆหน่อย ทำอย่างไร นี่แหละความจำเป็นของศาสนา

อันจะเห็นว่า ไม่ใช่ทุกคนอยากพบ อยากเจอ อยากได้ศาสนา พระภูมี จึงชี้ว่า ศาสนาเป็นขวัญใจของคนทุกข์ ศาสนาจึงเป็นที่รวมของคนทุกข์ ที่อยากพ้นทุกข์ ไม่ว่า จะเป็นพ้นโรค พ้นภัย หรือที่สุดคือพ้นกรรม ใครที่บอก จะให้ศาสนาแผ่กว้างไกลไปทั่วโลก อันนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ดูเยี่ยงพระโคดม ผู้มีวาทะศิลป์และศักดิ์ วรรณะสูง ยังทำให้คนเชื่อและเดินตาม ได้ไม่ถึงแสนคนเลย

ท่านอาสิจึงชี้ว่า หายโรค มันก็จบแค่ชาตินี้ ชาติหน้าไม่รู้ สิ่งที่สร้างสุขนิรันดร์ เอาติดวิญญาณไปได้ คือนิสัยของพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง

บทสรุป แม่ชีเมี้ยนตรัสชี้นิสัยมนุษย์ ชอบเอาแต่สุขเฉพาะหน้า คือเอาแต่สุขในวันนี้ วินัยของพระภูมี จึงไม่อยากทำ 

แต่จำไว้น่ะ “กรรมเราทำมา กรรมมันใช้ กรรมมันสั่งแล้วเป็นทุกข์” ตายไปก็ไปเกิด ดังนั้น ท่านจึงให้สติสงฆ์ว่า “อยู่ใต้ฟ้า อย่าท้าฝน เกิดเป็นคนอย่าท้ากรรม”

ศาสนามีไว้ทำไม “มีไว้เลือกเกิดได้ เลือกที่จะสุข หรือทุกข์ได้ พรหมลิขิตเราท่าน มิใช่ฟ้ากำหนด เราท่านนั่นแหละ เป็นผู้เขียน” ศาสนาจึงมีคำสอน ให้เราท่านเขียนพรหมลิขิตที่ดี รอเราท่านอยู่วันข้างหน้า ส่วนหายโรค นั้นของแถม สมุนไพร เป็นรูปธรรม ไว้ให้คนเห็น เห็นไหม ทำแล้วหายโรคได้ สิ่งที่สอน ทำแล้วเป็นผล

เพราะศาสตร์ของแม่ชีเมี้ยน เป็นของจริง พูดความจริง ทำแล้วจึงไม่เป็นเหมือนคนทั้งโลก เชื่อได้ไง ก็ทำผิดผลผิดยังเกิดกับตน แลทำตามแม่ชีเมี้ยน อาจไม่ถูกใจ แต่ทำแล้วผลถูกเกิด จะบอกว่าคำสอนผิดได้อย่างไร ส่วนที่อ้างโน่นนี่นั่นสอน ลองไปทำสิ ดูสิจะรอดไหม แล้วจะบอกว่าถูกได้ด้วยเหตุผลใด ก็เห็นอยู่ทำผิดผลผิดจึงเกิด ไม่ว่าจะดูน่าเชื่อถือสักฉันใด ความจริงมันก็ฟ้อง

คนเป็นปราชญ์จึงดูที่ผล ไม่เชื่อเพราะเขาว่า เขามีปริญญา เขาน่าเชื่อถือ เขาพูดดีมีหลักการ เขาแต่งตัวดี

ฤาท่านไม่เชื่อว่า “กรรมมีจริง ท่านตายแล้วต้องเกิด” ความจริงนี้ทุกคนจะรู้ เมื่อใกล้ตายนั่นแล ตัวกระทำอะไรรออยู่

ศาสนาชี้ว่า “หัวใจธรรมดี ก็มีกายเป็นคนอีก ถ้าหัวใจธรรมไม่มี ก็กลายเป็นสัตว์” ไม่ต้องแปลกใจ กินเข้าไปเถอะ เป็ดไก่ ไม่มีวันหมด เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อกรรม ไม่กลัวกรรม ไม่เอาศาสนา แล้วคนทั้งหลายก็ไม่เชื่ออีก ว่าสัตว์นั้นก็มนุษย์นั่นแหละ มันมาคลุกคลีกับเราท่าน เราไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร แต่สัตว์นั้นรู้

หลวงพ่อนิพนธ์จึงเลี้ยงสัตว์ และสอนให้บริจาคทานแก่สัตว์ เพราะถ้าพ่อแม่เราตาย การกระทำพลาดต้องกลายเป็นสัตว์ ก็หวังให้มาเกิดใช้ในแผ่นดินอภัยทานของศาสนา จะได้อยู่ใช้จนครบอายุขัย แล้วไปเกิดเป็นคนอีก ไปดูบ่อปลาของท่านสิ ยื่นหน้าไป ปลาพ่อแม่เห็นเรา ก็โผล่มา ให้เราเลี้ยง เราเลี้ยงบ้างคนอื่นเลี้ยงบ้าง ไม่ต้องโดนจับกินก่อนครบอายุขัย ต้องไปเกิดเป็นปลาให้ครบ มัวแต่คดข้าวใส่ชาม ตั้งหน้าหิ้ง นั่นจะได้กินได้ฉันใด ตกเย็นก็เททิ้ง นั่นแลที่มาของเขตอภัยทาน

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

มิสงสัยหรือ


คนเป็นพันล้านคนในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะอยู่สถานะอะไร มิมีใครสงสัยบ้างหรือ ทำไมต้อง เจ็บ แล้วตาย ไม่มีใครพ้น

เขาสอนว่า กินอาหารดี สะอาด ดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย จะห่างไกลจากโรค

แต่มิว่าทำสักฉันใด ทุกคนก็หนีไม่พ้น ทั้งๆที่ไม่มีใครอยากเจ็บ

นี่แหละทำไมเราท่านจึงควรไปหาศาสนา เพราะศาสนารู้ เหตุแห่งความเจ็บ ยิ่งไปกว่านั้น รู้หนทางที่จะทำให้เหนือมนุษย์นั่นคือ ไม่เจ็บได้ โลกนี้จึงต้องมีศาสนา ให้คนที่เบื่อเจ็บ เบื่อวัฐจักรอันนี้ ได้แก้ไข

มันก็จึงไม่แปลก ว่าสิ่งที่ศาสนาของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จึงเป็นคำสอนที่ คนทั้งโลกเขาไม่ทำกัน เดินย้อนนิสัย คนที่จะทำจึงไม่คุ้นชิน เลยกลายเป็นของยาก ผู้ใดทำได้ จึงเรียก มีการกระทำเหนือมนุษย์ ตามรอยพระภูมี สิ่งที่ได้จึงมีค่ามหาศาล นั่นคือ ไม่เจ็บแบบคนทั้งโลก ไม่เป็นไปตามวัฐจักรของโลก ยิ่งถ้าทำตนพ้นกิเลส พ้นโลก ไม่มีนิสัยโลกเหลืออยู่ จึงเรียกคนเหล่านั้นว่า คนเหนือโลก เช่น พระพุทธเจ้า พระอรหันต์

บทสรุป เราท่านเป็นไปตามโลก เพราะโลกเป็นไปตามกรรม เพราะคนทั้งหลาย ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า จึงไม่เชื่อว่ากรรมมีจริง จึงไม่เชื่อว่า เจ็บหรือเป็นโรค นั่นกรรมเราท่านทำมา ด้วยพิจารณาสิ่งที่เกิดผิด สมมุติฐานผิด การแก้โดยยา การร้องขอพร พรมน้ำมนต์ พิธีกรรม มันจึงไม่เกิดผล เมื่อเจอศาสนาที่แท้จริง เขาจะสอน ให้แก้ที่เหตุ คือ “นิสัย” ที่เป็นต้นเรื่องของกรรม ของโลก ทำได้ก็ชนะกรรม ชนะโรคได้

รู้ความจริงนี้ จึงเข้าใจว่า ทำไมสมุนไพร จึงทานยาก ทำไมต้องยอม “ลงแดง” ทำไมต้องเปลี่ยนพฤติกรรม หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ นั่นใช้กรรมเก่า และไม่สร้างกรรมใหม่ ใครทำได้ โรคอะไรก็หายได้

แม่ชีเมี้ยนจึงสอนสงฆ์เสมอว่า “ จงพยายามน่ะ ขันติ และอดทน “

ใครที่บอกว่าแน่ มียารักษาโรค วันเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ คนผู้นั้นจะตกในวังวนคำสาป “หมองูตายเพราะงู”

ถ้าไม่เชื่อ ก็ถอยไปยืนดู รอดูพระพุทธเจ้าอุบัติในประเทศพม่า แล้วฟังคำสอนเหมือนที่แม่ชีเมี้ยนสอนไหม

คนมีปรารถนาโน่นนี่นั่น แต่เราอยากบอกว่า สิ่งที่ควรปรารถนาที่สุด คือ ได้อยู่ดูศาสนาพระอริยเจ้า ได้ฟัง ได้ทำตาม เพื่อสุขแห่งตน

ส่วนพวกเหลือบศาสนา ก็เตือนไว้ วันนี้ของจริงเขายังไม่ปรากฏ จะบรรเลงตามนิสัย ก็คงพอทน วันใดที่พระพุทธเจ้าอุบัติ แล้วลองผิด พุทธบัญญัติสิ เราท่านจะได้เห็น “ธรณีสูบ” เป็นเช่นไร นั่นแลบุญญาธิการของศาสนา ที่ครั้งอินเดีย เจอมาแล้ว

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

หลักเหตุผล


ศาสนาพุทธ ทำไมถึงคนหลายคนไม่ชอบ แต่ก็ต้องยอมรับ ก็ด้วยเป็นหลัก เหตุและผล ที่ซึ่งพิสูจน์ได้นั่นเอง

เมื่อเหลือบศาสนาเจริญรุ่งเรืองแฝงเข้ามาในศาสนา สิ่งที่ทำพิสูจน์ไม่ได้ ก็อ้าง “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” ทั้งที่พระพุทธ ไม่เคยเอ่ยไม่เคยอ้าง มีแต่บอกอย่าเพิ่งเชื่อ ควรพิสูจน์ พิจารณาให้เห็นจริงก่อน แล้วจึงเชื่อ จึงทำ

ใครที่บอกบ้านเมืองนี้เป็นพุทธ นั่นอ้างตำรา เขาว่ากัน หากแต่ลองไปฟังนักวิชาการ ที่ชี้ให้เห็นว่า บ้านเมืองเรายามนี้ ไม่ใช่พุทธ แต่เป็นพราหมณ์บวกผี ต่างหาก มันจึงไม่แปลก มีผีบ้านผีเรือนสารพัน มีพิธีกรรมมากมาย บอกพิธีทางพุทธ แต่ให้พราหมณ์ทำก็เห็นกันมากมาย

ไม่ได้มาถกว่าอันไหนดีไม่ดี แต่กำลังชี้ว่า ถ้าเป็นยามปกติ จะทำอย่างไรไม่ว่ากัน แต่หากเป็นเรื่องของชีวิต ยิ่งตอนมีกรรม มีโรคด้วยแล้ว สิ่งที่เดิมพัน คือชีวิต ควรหรือที่จะไม่ใส่ใจในรายละเอียด ไม่พิสูจน์หรือทำให้เห็น แล้วจึงเอาชีวิตไปฝากกับสิ่งนั้น

หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้พิจารณา เรื่องของชีวิต “เหยียบเรือสองแคมสามแคมไม่ได้” เพราะจะไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ช่วยตนได้แท้จริงคืออะไร ไม่วิกฤตก็พอทน วิกฤติมาวันใด คว้าฉวยผิด นั่นชีวิตน่ะ ที่ต้องเสียไป เหมือนพระในคอ ใครที่แขวนหลายองค์ก็พึงระวัง ถ้ามีองค์เดียว ก็รู้ได้ ถ้าพ้นภัยก็นี่แหละพึ่งได้ ถ้าไม่พ้นก็ทิ้งเสีย หาที่พึ่งใหม่

สมุนไพรพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา แม่ชีเมี้ยนจึงชี้ว่าต้องพิสูจน์ให้คนทั้งหลายเห็น ไม่ใช่มาทานเพราะเขาเล่าว่า เขาอ้างว่าดี แล้วจึงมา จนถึงวันนี้ จึงไม่กลัว ใครอยากตรวจมา ใครอยากพิสูจน์มา

หากแต่เราแปลกใจในพฤติกรรมของหลายคน ไม่ต้องอื่นไกล แม่ของเพื่อน เป็นมะเร็ง หาหมอก็มีแต่ทรงกับทรุด ต้องผ่าต้องตัด ก็ยังไปหา เขาบอกมียาแจกที่โน่น ก็ไปกับเขาเลิกหมอ ไปกินยาแจกกินไปกินมา จากลำไส้ นี่ลามไปตับ เห็นก็เห็นว่าแม่ไม่ดีขึ้น แต่ก็ยังไปอยู่ ถ้ามาทานสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ใจสู้ไม่ถอยแบบนี้ ผลก็คงอยู่ไม่ไกล เสียดายคนที่มาส่วนใหญ่ ยืนระยะไม่ได้ จะเอาแต่ใจตน หายไวๆ คนที่ยืนระยะกลับไม่ชอบสมุนไพร นี่แหละหนากรรม จับคู่ไม่ได้ ผลก็ไม่มีทั้งสองแบบ

บทสรุปนที่จะรอด ต้องศึกษา คุ้ยขุดให้เห็นจริง เมื่อนั้นจึงเกิดความเชื่อ ศรัทธา จึงมุ่งมั่นทุ่มเททำ และยอมรับความจริงว่ามันต้องใช้เวลา ถ้าหวังปาฏิหาริย์ เจอยาดี หมอดี ไม่มีทางช่วยตนได้ หาไปเถอะไม่มีวันเจอ สิ่งที่เจอก็เหมือนศาสนาพุทธในวันนี้ คือเหลือบที่หากินกับชีวิตมนุษย์เท่านั้นเอง ทั้งที่ช่วยไม่ได้ ก็บอกได้ ถ้าไม่ยอมเชื่อ ก็เอาความตาย ความทรมานมาขู่

ไม่ได้ห้าม ไม่ได้ว่า หากจะเลือกแบบไหน เป็นสิทธิ์แห่งตน ชีวิตตน หากแต่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้พิจารณา ควรทำแบบคนฉลาด นั่นคือ อย่ามั่ว เลือกทำทีละสิ่ง พิสูจน์ให้เห็นชัด ไม่ใช่ก็ทิ้งไป อันไหนใช่ ก็คว้าให้มั่น เพียงสิ่งเดียว มิใช่เจออะไรก็เอาหมด อันไหนว่าดี เขาบอกต้นนั้นดี ก็ไปหามาทาน เขาบอกหมอนั้นดี ก็ไป เขาบอกเจ้านั้นดี ก็ไปพบ เขาบอก ... มีแต่เขาบอก นี่แลจึงยิ่งดิ้นยิ่งเหมือนลิงแก้แห ท้ายที่สุดตายไปจึงรู้ว่าสิ่งที่ตนทำล้วนพึ่งไม่ได้ ไม่เป็นแก่นสาร จะกลับมาบอกลูกหลานก็ไม่ได้

ที่สำคัญ พลาดเพียงคนเดียวก็พอไหว นี่พาลูกหลานหลงทาง ไปด้วย นอนตาหลับหรือ ยิ่งก่อหนี้ทิ้งไว้ ให้ลูกหลาน หนังเศร้ารันทดยาวไม่จบ ลำบากดิ้นรนใช้หนี้ แล้วเขาจะคิดถึงเราแบบไหน. อ้างกตัญญูคำเดียว สร้างภาระให้ลูกหลาน

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ทำน้อยแต่ทำได้


ศาสตร์พระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า สอนให้ทำ ทำเท่าที่พอทำได้ ไม่ว่าสิ่งที่ทำนั้นจะน้อยสักเพียงใด หากทำได้ก็เสมือนน้ำหยดน้อยๆ ทำบ่อยๆหยดบ่อยๆ ก็ช่วยตนได้

หลายคนบอก อยากขอบทสวดมนต์ไปสวดที่บ้าน แต่เราจำได้ตั้งแต่เล็ก พระยุคถ้ำกระบอก ไม่ให้ บทสวด ให้เพียงคำสวดเพียงคำเดียว เรียกในสมัยนั้นว่า “พระคาถา” จากบทสวดใดก็ตามที แล้วเขียนส่งให้ รับไป ท่องจนขึ้นใจ ก็เอาใบนั้นกลืนลงไป ใช้ทุกกรณี ตั้งแต่ทานสมุนไพร เดินทาง หรือจะทำสิ่งใด

หรือถ้าเป็นคนเลิกยา ในยุคแรกๆ ก็ใช้คำ “งะ กา สะ มา” เป็นพระคาถา หลังเลิกยา

จวบจนยุคหลังที่มีชมรมคนรักสุขภาพ หลวงพ่อนิพนธ์ก็ให้เปลี่ยนมาใช้ พระนามของโลกุตระ เป็นพระคาถา มาจนทุกวันนี้ สำหรับใครที่ต้องการ

บทสรุป แค่คำเดียว หากใช้เป็นสติ ลดกิริยา ลดพฤติกรรมของตนลงได้ เป็นเครื่องระลึก เป็นเครื่องเตือน ว่าเราเป็นพุทธศาสนิกชน เราต้องกลัวกรรม เมื่อร้อน พระคาถาคำเดียวนี้ก็เสมือนน้ำทิพย์ ราดรดใจให้เย็นลง ไม่สร้างกรรมสร้างเวรได้แล้ว ไปอยู่ ที่ใดก็สร้างบุญทานบารมีช่วยตนได้

มาวันนี้ อย่าว่าแต่พระคาถาเลย นั่งอยู่ต่อหน้าแม่ชีเมี้ยน หลวงพ่อนิพนธ์ ยังหยุดพฤติกรรมอะไรไม่ได้เลย แค่สงบยังไม่ยอม นับภาษาอะไร เมื่อออกไปเจอเหตุจะหยุดตนเองได้

ดูสิบอกมาก็หลายปี โดนปาดหน้านิดเดียว ไล่เอาคืนกันมาหลายสิบกิโล ถึงที่ ฉิบหายแล้ว มามูลนิธิเหมือนกันนี่หว่า นี่แหละ “หมิ่นเงินน้อย” คือเห็นว่าพฤติกรรมเล็กน้อย แค่เงียบสงบ จิ๊บจ๊อย ไม่สำคัญ ก็จิ๊บจ๊อยหยุดไม่ได้ กรรมมา นั่นพายุ จะเอาอะไรไปหยุด ถ้าจิ๊บจ๊อย หยุดกาย วาจาใจชั่วครู่ชั่วยามได้ ฝึกทุกวัน ก็ลดพายุหนักเป็นเบา เบาก็หายไปได้ ดีน่ะไม่เกิดอุบัติเหตุชนกัน ยิงกัน นี่ก็บ่งบอก หลายปีที่ผ่าน ไม่เอา ไม่ทำสิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนเลย การมาก็เสียเปล่า สิ่งที่ได้ แรงกายที่ทำ นั่นมัน “เป็นทาน” แต่ทานแก้กรรมไม่ได้น่ะ

ใครว่าเงียบจิ๊บจ๊อย เชื่อหรือไม่หยุดมะเร็งได้ ถ้าหยุดตนได้

ก็ถ้าหมิ่นเงินน้อย สิ่งที่ทำหลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า การมา การทานสมุนไพร ก็ได้แค่ประทัง หรือหายโรคนี้เป็นโรคนั้น เท่านั้นเอง ก็เงินน้อยนิดนี่แหละ คนทำได้หายกันมานักต่อนักแล้ว เพราะจะเริ่มหาเงินเป็นได้ทีละมากๆ ก็เริ่มจากเงินน้อยนี่เอง

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44