หลวงพ่อนิพนธ์ เล่าว่า เมื่อเรียนวิชาสมุนไพร และธรรมคำสอนของพระภูมี ทำให้หัวใจคับพองและอยากที่จะทำให้คนมานิยมเยอะๆ
แต่ก็ถูกเบรกความคิด จากแม่ชีเมี้ยน เรียกได้ว่าหัวทิ่มเลยก็ว่าได้
แม่ชีเมี้ยนได้ยกพระโคดม ผู้ซึ่งถึงพร้อมด้วย ปัญญา และ ฐานะ เพราะเป็นถึงเจ้าแผ่นดิน
เรียกตามสมัยนี้ เพียบพร้อมด้วย คุณวุฒิ วัยวุฒิ และฐานันดร
ไม่ต้องนับคนทั่วโลก คิดแค่เฉพาะอินเดีย ที่ซึ่งฟังภาษาของพระโคดมออก ท่านยังมีสาวกแค่แปดหมื่น พุทธมามกะสามแสนคน เท่านั้นเอง
ด้วยสติอันนี้เอง ว่าคนที่จะมาก็ยากแล้ว กว่าจะฝ่ามาถึง แลคนที่จะทำจนถึงฝั่ง ยิ่งน้อยกว่าน้อย
ด้วยเหตุนี้ นับแต่ยุคแรกเริ่มปี ๒๕๓๐ จึงไม่เคยมีป้ายขึ้น ทีวีจะมาถ่าย ก็ถูกปฏิเสธหมด นักจัดรายการวิทยุที่มาเป็นสมาชิก ขออนุญาตออกอากาศ ก็ถูกห้ามหมด
เหตุผล ก็คือ ไม่ได้ต้องการปริมาณ เพราะผลสำเร็จไม่ได้อยู่ที่คนมา แต่อยู่ที่คนหายแล้วกลับไปเป็นคนดีต่างหาก
เพราะความที่มันยากนี่เอง ทำให้หลายครั้งที่หลวงพ่อนิพนธ์เกิดความรู้สึกท้อ และอยากเลิก เพราะคนที่มาส่วนใหญ่พูดกันไม่รู้เรื่อง
คำรำพึงที่หลวงพ่อนิพนธ์มีต่อแม่ชีเมี้ยนคือ ทำมาก็นานแล้ว บุญที่มีก็พอเลี้ยงตัว แม้นไม่ได้นิพพานสมบัติ ก็พอที่จะได้ มนุษย์สมบัติ คือ ความไม่มีโรคแล้ว
คำตอบที่ได้รับ แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า ดูอย่างพระพุทธเจ้า แม้นสำเร็จโพธิญาน ก็ยังอยู่เพื่อโปรดอีก ๔๐ ปี นั่นคือ เราไม่ได้อยู่เพื่อตัวเรา หากแต่อยู่เพื่อผู้อื่น แม้นว่า ในร้อยคน จะได้ผู้รอดสักคนเดียว ที่เขาเชื่อและทำตาม ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว
สถานที่นี้ หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า เราอุปมาเหมือนชาวนา ปลูกข้าวย่อมหวังผล ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องมีปริมาณเยอะ ถึงมีน้อยคนมา แต่คนส่วนใหญ่ในกลุ่มนั้นเชื่อและทำตาม เรียกว่า กลุ่มคนมีคุณภาพ ดีกว่าคนแห่กันมามากมาย แต่ไม่มีใครรอดเลย
จากคำสอนนี้เอง ทำให้เราได้รู้ว่า ทำไม พระพุทธเจ้า จึงเลือกและฝึกบุรุษที่ฝึกได้ ดั่งที่โรงเรียนสอนให้ท่องมาแต่เด็ก ก็เพราะไม่ต้องการเสียเวลาไปกับผู้ที่ไม่ศรัทธานั่นเอง
จึงพอสรุปได้ว่า สถานที่นี้ มา ฟังเหตุและผล นำไปวินิจฉัย แล้วตัดสินใจ อาจจะลองดูสักตั้ง หากเห็นด้วย ก็ควรรีบทำตาม รีบหาย ให้คนใหม่ได้เข้ามา หากไม่เห็นด้วย ก็ควรรีบละทิ้ง ไปในสิ่งที่ชอบ อย่ามาเสียเวลาเลย เพราะไม่เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
พวกที่บอกว่า ของดีจริงต้องคนนิยมเยอะ ในเรื่องของชีวิต การกลับตรงข้าม พระภูมีทรงตรัสว่า ของหลอกลวงคนจึงหลงเชื่อเยอะ เพราะกรรมมันพาไป
เราจึงมักฮากลิ้ง เมื่อมีผู้อวดคุยโว ว่าลูกศิษย์ เป็นแสนเป็นล้าน ก็ขนาดพระภูมี ยังทำไม่ได้เลย
หากพิจารณาผล ก็จะเห็นจริง ก็คนเรือนแสนเรือนล้านนั้น จะเป็นคนดีที่โลกยอมรับสักคนหามีไม่
แต่แปดหมื่นของพระภูมี ทรงเป็นอรหันต์ทุกองค์
ดูที่นี่ จึงต้องดูคนที่เขาทำจริง เชื่อจริง ว่าผลเป็นอย่างไร อย่าไปดูคนที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย แล้วตีฆ้องร้องป่าว ว่าไม่ดี ไม่หาย
จำคำพูดที่หลวงพ่อนิพนธ์ให้เป็นสติที่ว่า " ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ทำถูกผลถูกย่อมสนอง ทำผิดผลผิดย่อมสนอง"
ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักพูดว่า ประเทศไทยเจ็ดสิบล้านคน ช่วยได้สักเจ็ดหมื่นก็เยอะแล้ว ที่เหลือก็ต้องทำใจ เพราะเขาไม่เลือกและไม่เดินตามเส้นทางนี้
แต่ถ้าจะบอกว่า แน่จริงต้องช่วยได้ทั้งหมด นั่นอุตริแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะกรรมมันต้องบันดาลให้เห็นดอกบัวเป็นกงจักร แลเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
ไม่ว่ายุคไหน ศาสนาทำของพระภูมี จึงไม่เคยมีคนนิยมสู้ ศาสนาขอ ของลัทธิต่างๆ ได้เลย