วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563

อดีตมีไว้สำรวจ อนาคตต้องปิดป้องไม่ให้เกิดอีก


แม่ชีเมี้ยน ตรัสชี้สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำ อดีตมีไว้สำรวจ อนาคตต้องปิดป้องไม่ให้เกิดอีก แล้วปัจจุบันทำให้หมดไป

หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายว่า อดีต เราทำไว้แล้ว ผลของอดีตเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ถ้าผลผิดเกิด นั่นย่อมสะท้อนว่าสิ่งที่ทำมานั้นผิด ใครจะบอกดีแล้ว ตามโบราณ ตามประเพณี ตามคำสอนก็ว่าไป แต่ผลผิดนั่นเป็นเครื่องชี้ ในสิ่งที่ตนเชื่อ ตนทำว่าทำไม่ถูกร่อง

ทีนี้ถ้าไม่อยากให้เกิดอีก เมื่อพิจารณาเห็นอดีต อยากเปลี่ยนอนาคตให้ดี ก็ย่อมต้องเปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนการกระทำ เปลี่ยนนิสัย ผลในอนาคตก็จักไม่เกิดเยี่ยงนี้อีก

สำหรับปัจจุบัน เมื่อแก้ไขอดีตไม่ได้ เราทำไว้แล้ว เราก็ควรยอมรับ ยอมใช้ เมื่อใช้ย่อมหมดลง

ปัญหาของมนุษย์ก็คือ ปฏิเสธ ผลักออก เอาแต่สิ่งที่ตนชอบ กรรมดีเอา ถูกรางวัลยิ้มรับ แต่กรรมชั่วตนทำมา บอกไม่รู้ ไม่เอา

ท่านจึงว่า กรรมทำไว้ต้องปวดหัว ชั่วโมงหรือสองชั่วโมง ไม่เอา ไม่ยอมปวดแม้นเสี้ยวนาที ปวดปุ๊บคว้ายาปั๊บ

ไม่เชื่อหรือตัวกระทำไม่ตาย กรรมมีจริง ใครหรืออะไรจะมาทำลายไม่ได้ ปฏิเสธปวด ทีละหนึ่งหรือสองชั่วโมง กรรมนั้นมันไม่ได้หายไป มันก็เหมือนเขื่อนกั้นน้ำสะสมไว้มากเข้า เขื่อนทนไม่ไหวพังมา ทีนี้มาเป็นมะเร็งเลย

บทสรุป เมื่อมนุษย์ไม่เชื่อกรรมมีจริง อดีตมาส่งผลให้ทุกข์ มาเตือน แทนที่จะลดพฤติกรรม กลับเชื่อความโลภ ตุนกันใหญ่ โก่งราคา ให้ทุกข์กับผู้คนซ้ำไปอีก หากินกับชีวิตมนุษย์ เสมือนเติมฟืนเข้ากองไฟ ร้อนไปทุกหย่อมหญ้า

ถ้าเชื่อแม่ชีเมี้ยน ทำตามรอยพระภูมี ที่หลวงพ่อนิพนธ์สอน ยามนี้ต้องยิ่งพยายามให้สุขกับผู้อื่น

ท่านเคยให้สติไว้เมื่อครั้งเปิดสำนักที่ศรีสวัสดิ์ ที่ซึ่งต้องนั่งแท๊งค์ข้ามฝาก ท่านชี้ให้พิจารณา ดูสิ คนบนแท๊งค์นี้ทุกคนล้วนแต่มาสร้างกรรม มีแต่พวกเราที่มาสร้างบุญตามรอยพระโคดม ก็แล้วพวกเราจะไปกลัวอะไร ถ้ากรรมเขาจะมาพิฆาตมนุษย์ กลุ่มของเราเขาก็คงไม่เอาหรอก เพราะเราเดินตามธรรมคำสอน ไม่ใช่เดินตามกรรม

อดีตมาส่งผลทุกข์แล้ว ยังหยุดหรือลดการกระทำสร้างทุกข์ให้ผู้อื่นไม่ได้ หน้ากาก เจล หรือวัตถุใด มันจะหยุดกรรมให้ท่านได้โดยวิธีใด

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2563

เกิดดับ


แม่ชีเมี้ยน ตรัสชี้ โลกของเราอยู่มานาน นานกว่าที่เราท่านคาดคิดมากมายนัก

หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบาย ศาสนาอุบัติ ทุกสองพันห้าร้อยปี เพื่อหาผู้ปรารถนาทำตนเป็นพระพุทธเจ้า เป็นผู้นำของสัตว์โลก นั่นหมายความว่า โลกใบนี้มีพระพุทธเจ้ามาแล้วมากมาย กระดูกเราที่เกิดมากองรวมกันสูงกว่าภูเขาหิมาลัยเสียอีก

อย่าว่าแต่ธรรมของพระองค์ แม้นแต่พระนามอาจจะไม่แม้แต่เคยได้ยิน อาทิ เยนะจะจะพุทธะ เขนะตะจะพุทโธ

ที่เราคุ้นเคยพอได้ยิน แม่ชีเมี้ยนตรัสสอน นำธรรมคำสอนเฉพาะเพียงพระพุทธเจ้า 4 พระองค์หลังสุด คือ พระกุกกุสันโธ พระโคนาคม พระกัสสปะ และพระโคดม

พิจารณาก็เห็นได้ว่า ธรรมที่นำมาสอนในยุคนี้มีนับจากพระองค์แรก ก็มีอายุขัย หมื่นปี

ทีนี้ เราอาจเคยได้ยินว่า ธรรมของพระโคดมมีอายุขัยห้าพันปี นั่นแสดงว่าถ้าวันนี้ไม่มีผู้ทำตนได้ ศาสนาของพระโคดม ก็หักกลาง อยู่ไม่ครบห้าพันปี แต่เชื่อเถอะต้องมี แลจะอุบัติในประเทศพม่าอย่างแน่นอน

อีกนัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าที่จะอุบัติขึ้นในโลกนี้ ที่จะใช้ธรรมของพระโคดมนำตนก็มีเพียงสองพระองค์ที่จะได้ใช้

ยุคขององค์ที่สองต่อจากพระโคดม คือ อีกสองพันกว่าปี ถ้าเราท่านยังอยู่ ก็อาจไม่มีใครรู้หรือได้ยินชื่อ พระกุกกุสันโธแล้วก็เป็นได้

บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชี้ว่า ก็แล้วเราจะไปถึงสุขโดยวิธีใด ถ้าเราท่านไม่เรียนรู้ธรรม คือตัวกระทำของสี่พระองค์ ที่ทำตนจนเป็นพระพุทธเจ้า

มัวแต่จดจำตำราหนังสือ ที่พราหมณ์แต่ง ก็สร้างความคิดแก่ตน เราไม่ได้เกิดมามีบัวรองเท้า ไม่รู้เคยสร้างบารมีสิบทัศน์กับเขามา เราก็คงไปไม่ได้ ทำไม่ได้ เป็นอรหันต์ไม่ได้ ก็เลยไม่สนไม่ทำ

แต่ความจริง ดูสิ เยี่ยงอย่างท่านองคุลีมาล อดีตชาติไม่ต้องกล่าวถึง แค่ชาติที่เรารู้ ฆ่าคนมาเท่าไหร่ ก็ฆ่าแค่คนเดียว บาปยังมหาศาล ท่านฟัง พระโคดม เชื่อ พิจารณาแล่วทำตาม ยังไปได้ในชาติเดียว เรื่องของศาสนา ท่านว่า เอากันในชาติเดียวนี้แหละ

ทีนี้ย้อนมาที่เราท่านประสบ แค่โรค ก็คงไม่ได้ไปฆ่าใครมากมาย ในเมื่อธรรมที่พระโคดมสอน พาองคุลีมาลไปนิพพานได้ ทำไมจะพาพ้นโรค พ้นภัยไม่ได้เล่า

นี่มาเอาแต่สมุนไพร แต่ไม่เอาธรรมพระโคดมเลย จะไปถึงสุขโดยวิธีใด เชื่อหรือหายโรคแล้วจะถึงสุข ไปถามคนที่ไม่มีโรคสิ มีทุกข์อะไรไหม

แม่ชีเมี้ยนชี้ชัด จะไปถึงสุข ก็ด้วยต้องเริ่มที่มีขันติ อดทน จะมีขันติ อดทน ก็ต้องไปสละแรงกาย ทำให้ผู้อื่น การกระทำเยี่ยงพระโคดมนี้เป็นเหยื่อล่อ ทำไมผลจึงมหาศาล ก็เป็นเป้าให้คนเขาวิพากษ์วิจารณ์ นั่นเอง

คนเขาบอกพระหลวงพ่อนิพนธ์ปลูกผักกินเอง ไม่ใช่ เขาทำเอานิสัย ทำเพื่อลดนิสัย เสียงที่มากระทบ จะทำให้การกระทำเราเปลี่ยนหรือไม่ ถ้าเรายังทรงกายทำให้ ยังเที่ยงอยู่ นั่นแลมี ขันติ อดทน คนไม่รู้ก็หมิ่น ปลูกทำไม

ดูรอยพระโคดม อุทิศตนออกบวช เพื่อหาโมกขธรรม เดินบิณฑบาตไปทางไหน คนเขาก็ด่า ว่าบ้าบ้าง เนรคุณทิ้งพ่อบ้าง เป็นกษัตริย์ไร้บัลลังก์ มากมาย

นี่แล ถ้ากายยังไม่ผ่าน ทรงตัวกระทำไม่ได้ ทำให้เที่ยงไม่ได้ ทนเหตุไม่ไหว แล้วท่านไปเชื่อพวกที่สอนให้นั่งทำใจ แล้วจะบรรลุได้ มันจะเป็นได้หรือ

กายที่ประกาศฟ้าดิน จะบวชตลอดชีวิต ทานมื้อเดียวตลอดชีวิต ไม่ขึ้นรถและลงเรือตลอดชีวิต ไม่รับเงินรับทองตลอดชีวิต เจอเหตุมันยังทำไม่ได้ ก็แล้วใจเล่า ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น มันจะทำได้โดยวิธีใด

มันจึงไม่แปลก พระบางรูป กายยังทำไม่ได้ เอาแต่นั่ง นั่งไปนั่งมาก็ประกาศตนว่าเป็นอรหันต์ ดูในยูทูปก็มีให้เห็น

ทุกสิ่ง เกิดมาจึงมีเวลา อายุขัย ถึงเวลาก็ต้องดับ พระพุทธกาลเป็นโรค รู้นั่นผลตัวกระทำที่ตนทำไว้ จึงสงบและใช้ขันติ อดทน เราทำไว้แล้วเราต้องรับ ยิ่งมีโรคอุบัติ ยิ่งต้องเคร่งวินัยธรรม ด้วยเชื่อ ตัวกระทำไม่ตาย

จะมีก็แต่ หากกรรมนั้นมันหนักหนาสาหัส จนอาจทำให้เสียวินัย ก็จึงฉันสมุนไพร เพื่อให้ทรงวินัยต่อไปได้

และถ้าต้องตาย ก็รู้ว่าด้วยหมดอายุขัย เอาโรคมาเป็นเหตุ มิใช่โรคทำให้ใครตายได้ มาเพียงให้ทุกข์ จากตัวกระทำที่ตนได้ทำไว้ ถ้าไม่ถึงที่ตาย อะไรก็มาดับขัยตนไม่ได้ จิตสงบ แลใช้ขันติ อดทน ยอมใช้ ถึงเวลากรรมมันก็หมด โรคก็หายไป สมุนไพรจึงไม่ใช่ทานเพื่อรักษาโรค

แม่ชีเมี้ยนพยากรณ์ให้สติ ตื่นวัว ตื่นควายหรือจะสู้ตื่นคน คนไร้สติ อันไหนใครว่าดี คว้าหมด ทำตนเหมือนลิงแก้แห ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง บางทีแก้จนรัดจนตาย

ดูเอา โควิด เหมือนเส้นผมบังภูเขา ใครเห็นรอยพระโคดม แล้วเดินตาม เรียกตนว่าทำตนเหมือนพวกขี้คลอก เวลานี้ เดินถนนสบายแฮ จิตสงบ กายสบาย ถึงติดก็ไม่ตื่นตูม

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563

ชนกลุ่มน้อย

แม่ชีเมี้ยน ตรัสชี้ ทุกยุคของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ คนทั้งโลกเห็นวินัยของท่าน แล้วมักกล่าวกันว่า วินัยของพระองค์นั้นดี แต่ไม่เอา เพราะเป็นศาสนาทำ คนทั้งหลายอยากได้ศาสนาขอ

หลวงพ่อนิพนธ์ อรรถาธิบายว่า ศาสนาของพระอริยะเจ้า แม้นจะมีความศักดิ์สิทธิ์ มีอำนาจเหนือกรรม แต่ช่วยใครไม่ได้เลย มีแต่คำสอนให้ผู้เชื่อ ศรัทธา ฟัง พิจารณาแล้วนำไปปฏิบัติเพื่อช่วยตน ผู้ใดทำได้ ผู้นั้นช่วยตนพ้นทุกข์ได้

ท่านจึงชี้ให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าเมื่อสำเร็จจึงไม่ตรัสกับใครก่อน ผู้เห็น และปรารถนา อยากได้ อยากสุขแบบพระองค์เข้ามาถาม ท่านก็ตรัสสอน ฟังแล้วจะทำหรือไม่ ท่านไม่ว่า ชอบก็ทำ ไม่ชอบก็บ้านใครบ้านมัน

บทสรุป ท่านจึงว่า เรื่องของศาสนา มองไม่เห็นเหมือนกรรม มันก็มองไม่เห็น ทำอย่างนี้น่ะเป็นบุญ ทำอย่างนี้เป็นทาน ล้วนมองไม่เห็น แต่เมื่อกรรมมาอุบัติเวลาไร แล้วตนของตนรอดพ้นได้ ไม่เป็นเหมือนคนทั่วไป นั่นแลบทพิสูจน์

ทำไมจึงรอด เพราะการกระทำที่ทำตามพระภูมี นั้นมีการกระทำเหนือมนุษย์ คือมีที่เว้น วันละหนึ่งชั่วโมงบ้าง ในเขตพัทธสีมาบ้าง ที่วัดบ้าง ที่ซึ่งเป็นที่เป็นเวลาที่เราท่านลดกิริยาลง ผลอันนี้แม้นจะหนีทุกข์หนีกรรมอาจไม่พ้น แต่ก็ไม่ทุกข์จนเกินไป

คนทั้งหลายเขาบรรเลงไปตามนิสัยกรรมตลอดเวลา เมื่อกรรมมาเขาจึงตกในอำนาจกรรม โดยไม่มีอะไรช่วยตน

นี่แลผู้ทำได้ ท่านจึงเรียกเหนือมนุษย์ คือเหนือพรหมลิขิตกรรม ไม่เป็นหรือลอยไปตามกรรมทุกสิ่งอย่าง

การกระทำเล็กน้อย วันละหนึ่งชั่วโมง จึงมีความหมายต่อชีวิต ต่อวิญญาณมหาศาล อุปมา กุ้งฝอยตกปลากระพง

ใครจะลอง เราเชื้อเชิญ การมาที่ว่ายากในเวลานี้ ออกจากบ้าน ไปหน้าหิ้งพระ วางสัญญาใจกับพระ ตลอดระยะทางไปและกลับชมรม ข้าพเจ้าจะไม่โกรธ ไม่ติเตียนใคร เพื่อมาทำนิสัย มาลดกิริยาตามคำสอนพระภูมีที่ท่านอาสิชี้ แล้วดูผล ดูสิจะแคล้วคลาดเดินทางสะดวกปลอดภัยไหม

เราก็ไป เราก็รอด ไปแบบชนกลุ่มน้อย เหมือนพุทธประวัติ ปลอดโรค ปลอดภัย จะชวนใคร ถามเขาก่อน วินัยทุกข์อันนี้ รับได้ไหม ถ้าจะมาเอาแต่สมุนไพร อย่ามาเลย วันหนึ่งคนแนะนำอาจหน้าแหก ตายคาสมุนไพร เขาจะว่า ไหนบอกสมุนไพรดี ไม่เอา ไม่ชอบ ไม่ว่า บ้านใครบ้านมัน ไปทำในสิ่งที่ตนชอบ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าสิ่งไหนคือของจริงแท้ เป็นที่พึ่งของตนได้

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44