ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
กุมารทอง
หลวงพ่อนิพนธ์ ย้ำนัก ย้ำหนา ว่า สมุนไพรเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ มีญาณหยั่งรู้ รู้นิสัย เจตนา ทั้งคนทำ และคนทาน
บทบัญบัติของฟ้าดิน ในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือ การปลุกเสก
อุปมาพระ ที่ซึ่งทำมาจากดิน หากยังไม่ได้ปลุกเสก ก็ไร้ค่า ฉันใดก็ฉันนั้น
สมุนไพรก็เฉกเช่นเดียวกัน จะมีฤทธิ์ไม่ได้เลย หากไม่มีการปลุกเสก
แม่ชีเมี้ยนได้ตรัสให้หลวงพ่อนิพนธ์ฟังว่า สมุนไพรของแม่ จะมีฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อผู้ทำ ต้องมีคุณธรรม คือ ทำให้
แลเมื่อผู้ทานรับไป ก็ต้องทำการปลุกเสกด้วยตนเอง จึงมีฤทธิ์สมบูรณ์ อุปมาการตบมือ หากตบข้างเดียวไม่มีวันดัง ฉันใดก็ฉันนั้น
การปลุกเสกสมุนไพรฝั่งผู้ทาน ที่พระภูมีทรงตรัสรู้และสอนสั่งนั้น ก็พิจารณาจากพื้นฐานที่มาของโรค นั่นคือกรรม อันเกิดจากนิสัยของผู้ทานนั้นเอง
ดังนั้น ผู้ทานจึงต้องเปลี่ยนนิสัยกรรม ให้เป็นนิสัยธรรม
อันนิสัยกรรมทำให้ผู้อื่นทุกงบข์ นิสัยธรรม ซึ่งตรงข้าม จึงต้องให้เราสงบ ลดกิริยา แลกล่าวสิ่งที่เป็นบุญ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ด้วยเหตุนี้แม้ข่มเขาโคขืนก็ต้องให้ผู้ที่มาต้องสวดมนต์ และฟังท่าน เพื่อไปสร้างนิสัยบุญ
เมื่อฟังแล้ว พิจารณาแล้ว ไม่ชอบ ก็ไม่ควรมาเสียเวลา เสียเงิน กับที่นี่ เพราะแม้นทานสมุนไพรสักฉันใด กุมารทอง หรือวิญญาณของสมุนไพรก็ไม่บังเกิด
ทานไป ก็เหมือนทานยาเคมี คือมีแต่สังขาร ไม่มีวิญญาณ สู้โรคไม่ได้หรอก
หากฟัง พิจารณาแล้วเห็นด้วย ก็ต้องสร้างศรัทธาให้เกิด แล้วปฏิบัติตามธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าบางประการที่ให้ทำ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงยกตัวอย่างการปลุกเสกสมุนไพรว่า เรารินยาเขียว แล้วนำไปไหว้ที่หิ้งพระ จากนั้นให้สัจจะว่าจะทำตามธรรมคำสอน อาทิเช่น ไม่โกรธ หรือไม่ด่าใคร หนึ่งชั่วโมง
ครบหนึ่งชั่วโมงที่ทำได้ แล้วจึงมาอธิษฐานขอผลบุญจากสิ่งที่ทำในหนึ่งชั่วโมงนั้นมาช่วยตน
การปฏิบัติธรรมคือการปลุกเสกนั่นเอง ทำเอง ไม่ต้องพึ่งใคร พระภูมีจึงเรียกว่า หลัก "ตนพึ่งตน"
กุมารทอง หรือฤทธิ์ของสมุนไพร จะมากจะน้อย ก็ขึ้นกับสิ่งที่ตัวทำนั่นเอง จึงเป็นดั่งคำตรัสของพระภูมี ที่ว่า เรามีแต่คำสอน ให้พรใครไม่ได้หรอก หากใครอยากได้สิ่งไร ให้นำคำสอนไปทำ ก็จักได้ตามสิ่งที่ขอ
พูดง่ายๆ อยากได้อะไร ก็ "ทำเอง"
โรคอาศัย "พลังกรรม" สมุนไพรอาศัย "พลังธรรม"
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสรุปให้ฟังว่า เรายอมใช้กรรมที่ทำแล้ว ทำให้พลังกรรมอ่อนลง และประพฤติธรรมคำสอน ทำให้พลังธรรมมากขึ้น เมื่อยืนระยะในสิ่งนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ช้ากรรมต้องหมด ผลต้องเกิด
หากไม่มีปฏิบัติธรรมคำสอนแล้ว สมุนไพรก็กลายเป็นมัมมี่ ช่วยใครไม่ได้ อันเห็นได้จากถ้ำกระบอก และพระที่แตกตัวไปตั้งสำนักทั้ง ๗ ท้ายที่สุด ก็ตายด้วยโรคทุกตัวคน
ก็สมุนไพรสูตรเดียวกัน เจ้าของตำราคนเดียวกัน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงพูดอย่างเปิดอกว่า หากไม่ชอบการทำแบบนี้ ก็ไม่ควรเสียเวลา ไปหาวิธีที่ชอบจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาโทษกันในภายหลัง ว่าหลอกกัน ไหนว่าสมุนไพรดี
ก็เพราะต้องมีกุมารทองนั่นเอง .....