หลายต่อหลายคนที่มาที่ชมรมคนรักสุขภาพ แล้วชอบที่จะผูกติดตัวเองไว้กับผู้อื่น
เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับผู้ที่ตนผูกติด ก็ส่งผลต่อพฤติกรรมของตนไปด้วย
ทั้งที่เรื่องของชีวิต หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า พระภูมีตรัสว่า "เป็นเรื่องเฉพาะตน"
นั่นหมายถึง "ใครก็ช่วยใครไม่ได้ ใครก็ทำให้ใครไม่ได้" จึงเป็นที่มาของบัญญัติ "ตนพึ่งตน" นั่นเอง
หากแต่ตัวอย่างที่อยากยกมาเล่า ก็ดั่งเช่น ลุงติ๊ก ชายวัย ๗๐ ปี ที่มาเป็นอาสา ช่วยดูแลสถานที่ จัดหาสมุนไพร และบริการคนไข้ใหม่ที่มา ทุกวันนี้
ลุงติ๊ก มาชมรมคนรักสุขภาพ เมื่อ ๖ ปีก่อน หลังจากฟังคำวินิจฉัยครั้งสุดท้ายของหมอ
หมอกล่าวว่า ไม่ต้องมาหาหมอแล้ว อาการโรคมะเร็งต่อมลูกหมากของคุณ อยู่ในระยะสุดท้าย คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกประมาณ ๓ เดือน ให้กลับบ้าน อยากทำอะไรก็ทำ
แต่ลุงติ๊ก ยังอยู่มาจนทุกวันนี้
ในขณะที่แม่บ้าน ผู้ซึ่งแข็งแรง มาวันนี้ ปรากฎอาการเบาหวาน แลเชื่อมั่นในหมอ ไม่ยอมทานสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ทั้งๆ ที่เห็นสภาพ ความเป็นความตาย ของลุงติ๊กที่ผ่านมาโดยตลอด
วันนี้หมอได้นัดตัดขาภรรยาลุงติ๊ก ในต้นเดือนหน้า
สุดขั้วของความเชื่อสองคน อยู่บ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน
หากแต่ว่า ถ้าคนทั้งสองผูกติดความเชื่อด้วยกัน ไม่ทั้งคู่ไปหาหมอ หรือ ทั้งคู่ก็มาทานสมุนไพรด้วยกัน ในโลกความจริงไม่เป็นเช่นนั้น
วิญญาณใครวิญญาณมัน ใครเชื่ออย่างไหนก็ไปอย่างนั้น แลผลที่ได้ก็เป็นไปตามสิ่งที่เชื่อ สิ่งที่ทำ
ลุงติ๊ก จึงต้องทำใจ จะไปเหมาโมเม ว่า ภรรยาไม่ทาน ตนก็จะเลิกทานสมุนไพรด้วย ก็คงเป็นคนไม่เอาเหตุเอาผล
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักสอนว่า แท้จริงวิญญาณของเราโดดเดี่ยว เราจึงต้องรับผิดชอบ อย่านำไปผูกติดกับผู้หนึ่งผู้ใด หากเป็นเรื่องของชีวิต ผลที่เกิดกับวิญญาณ เราจึงต้องเป็นผู้รับความทรมานนั้นเอง จึงเป็นที่มาของคำตรัสว่า "รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดคน"
อันหมายถึง การรักษาให้วิญญาณของเรา เป็นสุขนั่นเอง