วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เมตตา

ความละเอียดอ่อนในการเมตตา โดยหลักของพระภูมี ท่านให้เริ่มจากการเมตตาตนก่อน

เราเคยฉงนสงสัย ว่าเมตตาอันนี้ไม่ใช่การหมายถึงการช่วยผู้อื่นดอกหรือ

หากแต่เมื่อฟังคำอรรถาธิบายจากหลวงพ่อนิพนธ์ ท่านกล่าวว่า ก็ด้วยเหตุแห่งเมตตาแก่ผู้อื่น สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ ถ้าสิ่งที่ให้มันผิด บาปย่อมตกแก่ผู้ให้ ถ้าสิ่งที่ให้มันถูก บุญย่อมเกิดแก่ผู้ให้เฉกเช่นเดียวกัน

เคยได้ยินคำว่า "พ่อแม่รังแกฉัน" หรือไม่ นั่นแหละเป็นตัวอย่างที่ดี แม้ผู้ให้จะเป็นพ่อเป็นแม่ แลให้ด้วยความรักความเมตตาสักฉันใด หากแต่สิ่งที่ให้มันผิด ผลผิดมันก็เกิด

สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์เน้นย้ำ ก็คือ ความรู้ที่จะให้และนำไปเมตตาผู้อื่น จึงต้องผ่านการพิสูจน์ด้วยตนของเราเองก่อน แล้วดูผล การทำสิ่งไร ให้ผลเช่นไร

จึงมีธรรมบทหนึ่งที่แม่ชีเมี้ยนกล่าวว่า พระภูมีทรงบัญญัติให้สงฆ์สาวกของท่านปฏิบัติ ใจความว่า "ให้นำสิ่งที่ทำได้แล้ว ไปสอนสัตว์โลก"

หลวงพ่อนิพนธ์ได้ขยายความให้ฟังว่า นั่นหมายถึงสิ่งที่เราได้ทำแล้วเกิดผล เราจึงสามารถไปบอกกล่าวผู้อื่น อันหมายถึงเมตตาผู้อื่นเพื่อให้ได้รับผลเช่นเรา

ด้วยเหตุนี้เอง บุคคลใดที่ยังอยู่ระหว่างรักษาตน นั่นคือกำลังอยู่ในระหว่างเรียนรู้ และปฏิบัติ ลองผิดลองถูก ตามใจคิด ในช่วงนี้เองหากนำสิ่งที่รู้ไปบอก ก็อาจเกิดการผิดพลาดได้

หากบุคคลใด ที่ผ่านการเรียนรู้ แลปฏิบัติจนสามารถช่วยตนได้ พ้นจากโรคภัยได้ วิชาความรู้นั้นย่อมเป็นของถูกที่แน่แท้ เพราะผลของการกระทำเช่นนั้นมันปรากฎผลถูกให้เห็นเด่นชัด

การบอกกล่าวผู้อื่นระหว่างปฏิบัติ จึงคาดเดาผลได้ยาก หากแต่ผู้ที่ทำตนได้แล้ว และไปบอกกล่าวย่อมถูกต้องอย่างแน่นอน

ข้อห้ามในการถามกันเองระหว่างผู้ที่อยู่ระหว่างช่วยตน อาจเพราะจิตเมตตา ก็ยังไม่ควรกระทำ

แต่กับผู้ที่กระทำตน และผลของการทำนั้นรักษาตนจนหายโรคได้แล้ว การบอกกล่าวของผู้นั้น จึงอุปมาเหมือนพระมาลัยโปรดสัตว์นั่นเอง

ไม่ว่าเจตนาหรือไม่ การกระทำเช่นไรย่อมได้ผลเช่นนั้น

จุดเริ่มของความเมตตาจึงเริ่มที่ตน เพราะความรักในชีวิตตน จึงพยายามเรียนรู้และทำในสิ่งที่ถูก เมื่อช่วยตนได้ ความรู้ที่ได้มานั้น จึงเมตตาเผื่อแผ่ไปยังสัตว์โลก

หลวงพ่อนิพนธ์จึงให้พิจารณา หากเราไม่ทานอาหาร ก็เรียกว่าทำร้ายตน ไม่ทานเนื้อ ไม่ทานผัก เพราะไม่ชอบ นั่นหมายถึงไม่เอาเหตุเอาผล เพราะร่างกายมีธรรมชาติที่ต้องการเนื้อ ต้องการผัก นี่ประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่ง คือ ร่างกายรับแต่สิ่งของธรรมชาติ การทานเคมีซึ่งร่างกายไม่ยอมรับ เท่ากับกำลังทำร้ายตน เปรียบได้กับฆ่าตนเอง นี่อีกประการหนึ่ง

ด้วยหลักพระภูมีเป็นหลักธรรมชาติ วิทยากรทุกท่าน จึงมักแนะนำว่า เมื่อทานสมุนไพร ก็ควรหันกลับไปทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ตามธรรมชาติต้องการ ไม่มีของแสลง และยาเคมี ต้องหยุดหรือพยายามลดให้น้อยลงมากที่สุด เพราะเราต้องเมตตาตนเอง ไม่ใช่ฆ่าตนเอง

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44