สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์พยายามสร้าง คือ ความเชื่อมั่นในพรหมลิขิต
เพราะพรหมลิขิต หากยังไม่ถึงตามกำหนด ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความเหนียวแน่น ที่สำคัญ ไม่ตายแน่นอน ตราบใดที่ยังไม่ถึงวัน
อะไรทำให้หลวงพ่อนิพนธ์จึงเชื่อมั่นเช่นนั้น
ท่านจึงเล่า ประสพการณ์ในครั้งอดีตเมื่อเป็นพระที่ถ้ำกระบอก
หลังจากได้รับถ่ายทอดวิชาสมุนไพรจากแม่ชีเมี้ยน และเริ่มมีการรับคนป่วยเข้ามารักษาดูแล
กิจกรรมหนึ่งที่ต้องทำเป็นกิจวัตร นั่นคือ การเข้าป่าเพื่อหาสมุนไพร
สิ่งที่อยู่คู่ป่า และที่คนกลัวกันหนักหนา นั่นก็คือยุง เพราะกัดก็เจ็บ คันก็คัน ที่สำคัญ แถมมาด้วยไข้มาเลเรีย
จนวันหนึ่ง หลังออกจากป่า ไข้มาเลเรียก็ถามหา พระนิพนธ์ตัวร้อน มีอาการสั่น และที่สำคัญคือมีอาการไข้มาเลเรียขึ้นสมอง
หลวงพ่อนิพนธ์จึงถามแม่ชีเมี้ยนว่า ผลทำความดี ไปเก็บสมุนไพรให้คนทาน แล้วทำไมยังต้องมาเป็นมาเลเรียอีก
แม่ชีเมี้ยนตรัสตอบว่า ก็กรรมของท่าน จึงย้อนความว่า ท่านจำได้หรือไม่ว่า สมัยเป็นเด็กท่านเคยภูมิใจว่ายิงหนังสติ๊กได้แม่นยำ และเคยยิงหัวนกไว้สองตัว กรรมนั้นย้อนมาหาท่านแล้ว
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า แล้วผมจะตายไหม
แม่ชีเมี้ยนกล่าวสอนองค์ความรู้เรื่องพรหมลิขิตให้ฟัง และสรุปว่า พรหมลิขิตของท่านยังอีกไกล แม้อาการจะหนักสักปานใด ก็ไม่ตายหรอก
ท่านต้องใช้ขันติ อดทน ใช้กรรมอันนี้ของท่าน ผ่านไปสี่วันก็จะหายเอง
แล้วก็ทำยาบอระเพ็ดให้พระนิพนธ์ทาน
พระนิพนธ์นอนซมด้วยพิษไข้ ไม่ได้ฉันตลอดสี่วัน
พอวันที่ห้าก็สร่างพิษไข้ และมีอาการโหย ทำให้ฉันได้มากกว่าปกติ
และเมื่อกลับมาเปิดสำนักอีกครั้งในปี ๓๐ ท่านก็ประสบกับปัญหาโรคไส้ติ่ง
บทพิสูจน์จึงกลับมาอีกครั้ง เพราะอาการปวดรุมเร้า จนลูกศิษย์ที่เป็นหมอและพยาบาล เห็นแล้วว่าท่านไม่ไปหาหมอผ่าตัดแน่ จึงใช้วิธีวางยาสลบในอาหารและน้ำดื่ม
หลวงพ่อนิพนธ์รู้ความคิดของคนเหล่านั้น จึงปิดห้องอยู่ลำพัง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นในความจริงอันนี้
ท่านนอนปวดอยู่ ๔๘ ชั่วโมง หลังจากนั้นไส้ติ่งก็แตก และถ่ายเป็นเลือดพิษ ร่างกายก็กลับมาเป็นปกติ
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า คนโลภอาศัยความกลัว สร้างมโนภาพที่ผิดกับความเป็นจริง เพราะแท้จริงแล้ว เมื่อไส้ติ่งแตก หาใช่แตกภายนอกไม่ ร่างกายจะมีกลไกดูดกลับไปอยู่ภายในลำไส้ และถ่ายออก
อาศัยซึ่งความกลัวปวด และกลัวตาย จึงทำให้เกิดช่องทางหากินกับความไม่รู้นี้เอง
ยิ่งไปกว่านั้น แม่ชีเมี้ยนยังตรัสว่า หากร่างกายได้ผ่านการปวดของไส้ติ่งนี้ได้แล้วนั้น จะเกิดภูมิต้านทานอันมหาศาล และจะไม่มีอาการปวดท้องอีกเลย
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อหายจากมาเลเรียครั้งนั้น แม่ชีเมี้ยนจึงกล่าวกับพระนิพนธ์ว่า ให้นำความรู้นี้ไปปลุกปั่นชาวประชา แม้นจะมีคนเชื่อไม่มาก หากแต่คนกลุ่มนั้น ก็จะได้ซึ่งสมบัติของพระภูมีที่ทิ้งไว้ให้ นั่นคือ "มนุษย์สมบัติ" อันทำให้ กินเป็นสุข นอนเป็นสุข ไม่มีโรคภัยมาสร้างทุกข์ แม้ถึงพรหมลิขิต ก็เสมือนคนหลับ