วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คำเตือน

หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า เมื่อเราประกาศตนว่า จะนำธรรมของพระภูมีมาลิขิต นั่นหมายถึงเหตุที่จะพึงมากระทบให้เลิกเสีย

หากแต่หลักของพระภูมีนั้นไซร้ มีฟ้าดิน เป็นพี่เลี้ยง ดังนั้น การกระทำของเราท่านที่ยึดธรรมเป็นแนวปฏิบัติ เมื่อมีข้อผิดพลาดหรือขาดสติ จึงมักได้รับคำเตือนจากฟ้าดินก่อน

หลวงพ่อนิพนธ์ได้ยกอุธาหรณ์ของตัวท่านในเรื่องนี้ไว้สองกรณี

กรณีแรก คือ เมื่อครั้งเป็นพระถ้ำกระบอก แล้วทำกิจธุดงค์อยู่นั้น วันหนึ่งบิณฑบาตรได้น้อย แต่ต้องเดินถึง ๓๐ กิโลเมตร ครั้นวันรุ่งขึ้น เมื่อออกบิณฑบาตร เดินผ่านบ้านคน ด้วยความที่อยากรับบาตร หากแต่ชาวบ้านไม่ทราบว่ามีพระมา จึงเตรียมอาหารไม่ทัน

วินัยของพระภูมี กำหนดให้ยืนสักพักไม่เกินห้านาที หากไม่ได้ให้เดินต่อ ความอยากทานอาหารชดเชยวันก่อน จึงยืนสักพัก เมื่อยังไม่ได้ก็เดินต่อ

ชาวบ้านตามมายังที่ปักกลด หากแต่ได้เวลาฉันแล้ว ข้าวในบาตรก็มีน้อย หากแต่วินัยเวลาฉันห้ามพูด

ท่านจึงขยิบตาให้โยม เพื่อตักอาหารใส่บาตร โยมบังเอิญเข้าใจ จึงตักข้าวใส่บาตร และอาหารที่ทำมาก็คือ ปลาร้า และแกงเขียวหวาน

เพราะวินัย ฉันรวมในบาตร โยมจึงเทแกงเขียวหวานลงในบาตร ตามด้วยปลาร้า

ท้ายที่สุด ก็เป็นของหวาน คือสาคูเปียก โยมก็ใส่ลงบาตรด้วย

ตกลงวันนั้น เจตนาที่อยากทานอาหารชดเชย กลายเป็นฉันอาหารไม่ได้เลย

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ท่านยกมา เกิดในกิจธุดงค์เช่นกัน นั่นคือ เมื่อได้เวลาเย็น ท่านก็ทำการหยุดเพื่อปักกลด

ชาวบ้านเห็นพระ จึงนำน้ำตาลสดมาถวาย หากแต่วินัยของพระภูมีที่พระถ้ำกระบอกปฏิบัติ คือ ไม่ฉัน น้ำชา กาแฟ นอกเวลาฉัน

หากแต่ความอยากทานน้ำตาลสด เมื่อโยมกล่าวว่า ถ้างั้นจะทิ้งน้ำตาลสดทั้งหมดไว้ที่นี้ เพราะเช้าก็ต้องมาถวายอาหารอยู่แล้ว

ความอยากของตนจึงยอมให้วางไว้

ครั้นตกกลางคืน ปรากฎว่ามีหมากลุ่มหนึ่ง วิ่งเล่นไล่กัดกัน จนมาชนกระบอกน้ำตาลสดทั้งหมดหกรดใส่กลด

คืนนั้น จึงนอนไม่ได้เลย เพราะมดแห่กันเข้ามาทานน้ำตาลสดที่หกรดกลดนั่นเอง

การยืนรออาหาร เพราะอยาก จนหมาไล่กัด ทั้งๆ ที่หมาตัวนั้น ชาวบ้านบอก ธรรมดาไม่เคยกัดใครเลย แลการที่มดขึ้นกลด จนนอนไม่ได้ ท่านกล่าวว่า นั่นคือ คำเตือนของฟ้า

เมื่อจะเอาผล ย่อมต้องมีเหตุ ไม่ใช่ กล่าวว่า "จะไม่โกรธ" แล้วไปนั่งนอนอยู่ในห้องคนเดียว หลบเหตุ หาได้ไม่

เหตุ จึงเป็นเสมือนคำเตือน ให้มีสติ และทดสอบว่าเราทำได้แล้วหรือไม่

ก็บทสุดท้ายของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา คือ คนดี

การมาสถานที่นี้ คือบททดสอบ ท่านจึงต้องพบเหตุมากมาย เพื่อให้ทำใจ ขันติ อดทน บนฐานความเมตตา

ไม่ว่า ด่านรสของสมุนไพร ด่านวาจาของเจ้าหน้าที่ ด่านความร้อนของอากาศ ด่านสวดมนต์ เป็นต้น

นี่แหละเหตุ ที่ต้องผจญ หากผ่านได้ และเกิดผล ย่อมการันตีได้ว่้า ท่านเป็นคนดี ไม่ใช่ดีแต่ปาก

เพราะผลถูก ย่อมมาจากการทำถูก เมื่อผลถูกปรากฎ ย่อมเป็นเครื่องยืนยันที่แน่ชัด และผลผิดก็เฉกเช่นกัน ย่อมเป็นเครื่องยืนยัน ในการกระทำว่า เราทำผิด แม้คนทั้งโลกจะเถียงว่าทำถูกก็ตาม

ท่านจึงให้สติว่า พระโคดมเดินออกจากวัง คนทั้งเมืองบอกท่านบ้า

แต่ผลที่ออกมา ท่านสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า

อันเป็นที่มาของคำว่า ให้เอาเหตุเอาผล อย่าเชื่อ ....

พระโคดมถูกเด็กเลี้ยงควาย เอาหินขว้างศรีษะ เกิดอารมณ์โกรธชั่ววูบ เมื่อคิดได้จึงเดินย้อนไปขอบคุณเด็กเลี้ยงความ ที่ทำให้ท่านรู้ว่า ท่านยังมีความโกรธอยู่

เมื่อผ่านเหตุแล้ว คิดได้ ควรที่จะขอบคุณเจ้าของเหตุนั้น และสลายโกรธด้วยเมตตาเขาและเรา ตามพระภูมีไม่ดีกว่าหรือ

หรือจะต่อกรรม จากเหตุนั้นเล่า แล้วก็บอกกับคนอื่นว่า เราเชื่อและศรัทธาพระภูมี ....

เหตุจึงเป็นเครื่องเตือนว่าสติเรายังไม่โต หรือไวพอที่จะดับเหตุไม่ก่อกรรมต่ออีก พูดง่ายๆ เรายังมีกิเลสนั่นเอง

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44