เธอเป็นแพทย์หญิง อาการที่เธอเป็นคือ ตาบอด
เมื่อเธอได้พบหลวงพ่อนิพนธ์ เพื่อบอกอาการของเธอ หลวงพ่อนิพนธ์ได้วินิจฉัยและกล่าวว่า สิ่งที่เธอเป็นไม่ใช่เกิดจากโรค หากแต่เป็นอุบัติเหตุ
เธอจึงเล่าอาการของเธอให้ฟังว่า เธอมีปัญหาเกี่ยวกับตา เนื่องจากกล้ามเนื้อประสาทตา และวุ้นในตา เสื่อม ทำให้มีปัญหาในการมอง
เธอก็ได้ไปหาจักษุแพทย์ และรักษามาตลอด หากแต่สิ่งอาการที่เกิดและเป็นปัญหามากนั่นคือ อาการปวดลูกตา จนเธอทนไม่ไหว
จักษุแพทย์จึงได้ใช้วิธีฉีดเสตียรอยด์ เพื่อระงับอาการปวด
ผลของการฉีดนี้เอง ทำให้เสตียรอยด์ไปทำลายกล้ามเนื้อประสาทตาจนฉีกขาด เธอจึงกลายเป็นคนตาบอด
หลวงพ่อนิพนธ์ได้ยกเรื่องนี้เป็นอุธาหรณ์ ให้พิจารณาถึง ผลแห่งการใช้เคมี คือระงับ หากแต่ผลที่จะพึงเกิดจากการใช้เคมีนั้น ใหญ่หลวงนัก และเป็นต้นเหตุแห่งการเสียชีวิต อันเป็นอุบัติเหตุชีวิต ที่ทำให้คนสมัยนี้ต้องไปก่อนพรหมลิขิต
หลวงพ่อนิพนธ์จึงเน้นความสำคัญของการหยุดยาเคมี ว่า "เป็นการทำบุญกับตัวเอง" และทำให้การแก้ปัญหาง่ายขึ้น
แล้วคอยดูว่า จักษุแพทย์ หรือตัวของเธอเอง รักษาเก่งกว่ากัน