ฝ่ายท่านจำรูญกลุ่มหนึ่ง ท่านเจริญกลุ่มหนึ่ง และฝ่ายแม่ชีเมี้ยนซึ่งมีน้อยที่สุดอีกกลุ่มหนึ่ง
การธุดงค์ในครั้งนั้น แม่ชีเมี้ยนได้สั่งให้พระกลุ่มของท่านว่า ไม่ให้เดินตามทั้งท่านจำรูญ และ ท่านเจริญ
ครั้นวันออกธุดงค์ ท่านจำรูญได้เดินจากถ้ำแล้วเลี้ยวขวาตามถนน
แลท่านเจริญได้เดินเลี้ยวซ้ายตามถนน
พระของแม่ชีเมี้ยน ที่มีเพียง ๗ รูป จึงต้องเดินตรงไป ผ่านทุ่ง เพราะไม่มีถนน
หลังจากธุดงค์ แม่ชีเมี้ยนได้เรียกหลวงพ่อนิพนธ์กลับมาถ้ำกระบอกเพื่อสั่งเสีย และได้ฝากฝังพระนั้นให้ช่วยดูแล
แลท่านแม่ชีเมี้ยนก็ได้ลาสังขารในขณะที่อยู่ระหว่างกิจธุดงค์ปีนั้นนั่นเอง
ในบรรดาพระ ๗ รูป หลังจากถ้ำแตก ก็แยกย้ายกันไป สึกบ้างก็มี เมื่ออยู่จนครบสัจจะของตนที่วางไว้
ท้ายที่สุด ในบรรดาพระถ้ำกระบอกทั้งหมอ เหลือเพียง "ท่านเส่ย" ผู้ซึ่งเป็นพระรับใช้แม่ชีเมี้ยนในช่วงท้ายของถ้ำกระบอก เท่านั้น ที่ยังคงติดตามหลวงพ่อนิพนธ์มาจนทุกวันนี้
พระเป็นร้อย มีเพียงหนึ่งเดียวที่ยังคงอยู่ และรับใช้หลวงพ่อนิพนธ์ในการเก็บใบยา มาตั้งแต่ปี ๓๐
ทุกวันนี้ "ท่านเส่ย" ก็ยังคงทำหน้าที่ทำยาเขียว
ท่านใดว่าง ก็ลองแวะไปคุยได้ที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ด ด้านหลังครัว ก่อนถึงห้องน้ำ
เวลาพิสูจน์คน เป็นคำกล่าวที่จริงแท้
หากแต่ฝ่ายลูกศิษย์เดิมที่ตามมา ก็มีเพียงไม่กี่ครอบครัว
แต่คำสอนที่คนเหล่านั้นมี มักจะฝังใจ อาทิเช่น พลเอกวัฒนชัย ฉายเหมือนวงศ์
ที่ซึมซับ และเกลียดยาเสพติดเข้ากระดูก จนในขณะที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาค ๓ ก็เรียกได้ว่า เป็นเบอร์ ๑ ที่ฝ่ายยาเสพติดหมายหัว
หากแต่สิ่งที่ประจักษ์ คนกลุ่มน้อยที่ติดตามมาเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพใดๆ เลย อันเป็นบทพิสูจน์หลักสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยนได้เป็นอย่างดี
เราจึงอยากให้ได้พิจารณา และเชิญชวนมาเป็นชนกลุ่มน้อย หนึ่งในร้อย ที่ยืนบนหลักของพระภูมีกัน เพื่อความเหนียวแน่นของชีวิต ดังเช่น "ท่านเส่ย"