ช่วงนี้ จะเห็นซุ้มอาหาร และขนม เพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากคนไข้ที่เข้าพำนักในชมรมจัดทำขึ้นนั่นเอง
ส่วนใหญ่ของคนไข้เหล่านี้ คือ โรคมะเร็งระยะสุดท้าย
หากแต่คนอื่นที่เดินเข้ามาเห็นคนไข้กลุ่มนี้แล้ว ก็คงไม่เชื่อว่าเป็นโรคร้าย และอยู่ในระยะสุดท้ายเป็นแน่แท้ เพราะทุกคนจับกลุ่มคุย และเตรียมของไว้ขายวันทำการ หัวเราะ เฮฮา เหมือนคนปกติ
ภาพที่ต่างกันสุดขั้ว ของคนไข้ระยะสุดท้ายในโรงพยาบาล กับ ชมรมคนรักสุขภาพ อันบ่งบอกถึงแนวทางที่ใช้อย่างชัดเจน
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า สิ่งที่คนไข้กำลังต่อสู้ ไม่เพียงโรค
ยังมี โรคจากความเครียดที่ความคิดหมกหมุ่นกับสิ่งที่เป็นหนึ่ง
โรคที่เกิดจากสารเคมี อีกหนึ่ง
และที่สำคัญนั่นคือ ความคิด ความเชื่อ
เราท่านไม่ได้ทำตนให้สู้ศึกด้านเดียว จึงพบความพ่ายแพ้
หลักของพระภูมี จึงจำต้องตัดศึกด้านอื่นๆ ออกเสียก่อน แล้วจึงมาวัดกันตัวต่อตัว จึงจะชนะได้
อันเป็นเหตุให้ต้องหยุดเคมี ต้องรวบรวม ความเชื่อ ความศรัทธา และปฏิบัติตามธรรมวินัย อีกทั้ง ทำตนเหมือนปกติชน
เมื่อทำได้ ก็จะเหลือแต่โรค เป็นศึกหน้าเดียว ที่ผลสุดท้ายย่อมไม่ยากที่เอาชนะได้
ภาพที่เห็น การหัวร่อต่อกระซิก จึงเป็นแนวทางที่คนไข้ระยะสุดท้าย ควรทำให้ได้ เมื่อทำได้ ก็ย่อมเป็นการลดทอนกำลังคู่ต่อสู้ โอกาสชนะศึกย่อมมากขึ้น
เห็นแล้วน่าสงสัย ว่าคนเหล่านั้นเป็นโรคร้ายแรงจริง หรือหน้าม้ากันแน่
เส้นทางของพระภูมี จึงเดินสวนทางกับโลกอย่างชัดเจน ยิ่งหมอบอก ให้พักผ่อนเยอะๆ พระภูมีบอกให้ออกกำลัง ร่างกายจะได้หิว สมุนไพรและอาหาร ก็จะเข้าไปในร่างกายได้เต็มที่
ไม่ออกแรง นอนอย่างเดียว ไม่หิว ไม่กิน แล้วจะมีกำลังไปสู้โรคได้อย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น