ใครเขาว่ากันว่า ประเทศพม่ายังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ฟังดูแล้วช่างน่ากลัวเสียยิ่งกระไร
หากแต่ในความคิดเรา บ้านเราต่างหากที่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่่อน เพราะเมื่อมองความจริงแล้ว จักเห็นว่า ผู้ปกครองแทบจักทุกระดับ ไม่ได้มองมายังคนทุกข์ยาก และให้ความสำคัญในการแก้ไขความทุกข์ยากอันใดเลย
หากแต่เห็นการยุยง ให้แตกแยก สร้างม๊อบ แย่งชิแหลงอำนาจเพื่อกลุ่มตน ที่สำคัญ เมืองแห่งนี้ยังอ้างตนว่าเป็นเมืองพุทธ ก็สาวกของพระภูมีมีที่ไหนเล่า จักสร้างทุกข์ให้ผู้อื่น ประเทศนี้พะยี่ห้อ ไปก่อม๊อบทั้งผ้าเหลือง แล้วก็มีคนเฮโลไปสนับสนุน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า โรคใหม่ที่มาแรงและน่ากลัว จึงกลายมาเป็นโรคเกลียดชัง วันใดมันถึงจุด ก็จักการเข่นฆ่ากันตาย ทั้งๆที่คนที่ตายกับคนที่ฆ่า ไม่ได้รู้จักมักจี่ ไม่เคยพบ ไม่เคยมีอะไรต่อกันเลย
และที่สำคัญที่เราเห็น นั่นคือ สิ่งดีๆ ที่แม่ชีเมี้ยนทิ้งไว้ให้ คนกลุ่มนี้เห็นแล้วก็เมิน ไม่เคยคิดดิ้นรน เพื่อช่วยพี่น้องชาวไทย ให้ได้มีโอกาส มีทางเลือกแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ จ้องจะนำกฎหมายมาเล่นงานเสียอีก
ย้อนกลับไปดูชนที่ถูกกล่าวว่าบ้านป่าเมืองเถื่อน น่ากลัว หลังจากที่หลานนายกพม่า ทราบข่าวและสนใจ ในกิจกรรมของหลวงพ่อนิพนธ์ ก็เสนอตนเพื่อช่วย นั่นก็หมายถึง ช่วยคนของเขาชาวพม่าด้วยกันในขณะเดียวกัน
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาจึงเชิญแม่ทัพน้อยของพม่า ทั้งสามเหล่าทัพ ที่หลังจากพูดคุยกัน และอยากเห็นกับตาว่า คนมาทานสมุนไพร มันจักมากมายดังที่คุยไว้หรือเปล่า
คณะของเขา จึงได้มายังชมรมคนรักสุขภาพ พบปะคนไข้ และเยี่ยมชมแผนกต่างๆ โดยได้ไกด์ คือ คุณแชมเปญ เอ็กซ์ เป็นผู้บรรยาย ให้ฟัง ตลอดการเยี่ยมชม
แม่ทัพน้อย ทั้งสามท่าน ต้องเอ่ยปากด้วยความประหลายใจว่า ไม่น่าเชื่อว่า จักมีคนมากมายขนาดนี้ แล้วกล่าวว่า ในตอนแรกที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราว ยังเกรงว่า จักเป็นการนำสมุนไพรบังหน้า เพื่อขนถ่ายยุทธปัจจัย จึงอยากมาดูด้วยตนเอง เพราะไม่คิดว่า จักมีใครที่ใช้สมุนไพรมากมายปานนี้
หลังจากเยี่ยมชมในตอนเช้า ได้สั่งการไปยังทหารใต้บังคับบัญชา ให้จัดขบวนพิเศษ เพื่อให้หลวงพ่อนิพนธ์ได้เข้าไปยังจุดต่างๆที่ต้องการ ตลอดแนวเส้นทางบ้านพุน้ำร้อน จนถึงทวาย และให้ทหารตรวจดูว่า หมู่บ้านใดมีสมุนไพรและมีความพร้อม โดยเฉพาะในส่วนที่มีการทำไร่เลือนลอย เพื่อจักทำให้มีอาชีพ มีรายได้ และอยู่เป็นหลักแหล่ง
ได้ยินแม่ทัพน้อยทั้งสามท่านสั่งการ แล้วให้นึกสงสารคนไทย ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่ผู้มีอำนาจวาสนาบารมีของคนไทย คนใด ที่ผ่านมา หรือพบเห็น ของดีที่แม่ชีเมี้ยนทิ้งไว้ให้ แล้วตื่นเต้น รีบสั่งการ เช่นนี้เลย
หากแต่เรื่องนี้ก็เป็นที่น่ายินดี ที่ต่อไปในอนาคตอันใกล้ คนไข้ทุกคน ก็จักได้มีสมุนไพรทานกันอย่างเต็มที่ทุกคน ไม่ต้องมาแบ่งกันปนแย่งกันดังเช่นทุกวันนี้
และก็อยากฝากให้ คนที่เรียกตนว่ามีอำนาจ วาสนา บารมีของคนไทย ด้วยคำของหลวงพ่อนิพนธ์ว่า หากคิดไปรอคนเหล่านี้มาช่วยคนไทยน่ะหรือ ชาติหน้า ...
เพราะบทเรียนจากถ้ำกระบอกก็แสดงให้เห็นอยู่แล้ว ปอกเปลือกออกมา คนไทยนั้นจะทำก็ต่อเมื่อได้หน้าเท่านั้นเอง ต้องมีทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ มาล่อ... การอยู่รอดจึงต้องพึ่งกันเองระหว่างผู้ทำกับผู้ทาน ขืนรอคนเหล่านั้น ... ตายก่อนหมด
คำทิ้งท้ายของหลวงพ่อนิพนธ์ มักจักกล่าวเสมอว่า อันที่จริงคนเหล่านั้นไม่ต้องกลัวหรอกว่าจักเสียรายได้มหาศาล เพราะความจริง แม้นแนวทางสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน จักเป็นที่นิยมและยอมรับ คนที่จะมาเดินแนวทางนี้ ก็มีเพียงหยิบมือ เพราะมันทำยาก... ดั่งสาวกของพระโคดม ที่คนนับร้อยล้านในอินเดีย ที่มานิยมแล้วทำตาม ยังไม่ถึงแสนคนเลยนั่นเอง