คำถามที่คนไข้ใหม่ มักจะเกิดความสงสัย เมื่อวิทยากรแนะนำให้เลิกยาเคมี นั่นคือ แล้วอาการที่เกิดจะทำอย่างไร
หลักการของยาเคมี คือการระงับ นั่นจึงทำให้เมื่ออาการของโรคเกิด จึงมุ่งเน้นที่จะทำให้อาการหายไป แต่ไม่ได้รักษาเหตุแห่งโรค
ผู้ใช้ก็ยินดีที่อาการดังกล่าวหายไป และคิดเอาเองว่า ยานั้นรักษาอาการต้นเหตุของตน แต่ความเป็นจริง เมื่อหมดฤทธฺิ์ยา อาการก็จะหวนกลับมาอีก ทำให้ต้องทานยาตลอด เลิกไม่ได้ เพราะไม่ยอมรับการเกิดของอาการนั้น
และที่สำคัญ ไม่ยอมรับความจริงว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น ไม่ได้รักษาเหตุแห่งโรคเลย หลอกตัวเองไปวันๆว่าดีขึ้น โดยพอใจกับการไม่มีอาการปรากฎในวันนี้
ดังนั้น เมื่อหยุดยาเคมี อาการจึงปรากฏเป็นวิกฤตของร่างกาย หากแต่ธรรมชาติของมนุษย์ ใช้วิกฤตินี้แหละ แจ้งไปยังสมอง เพื่อที่จะบัญชาการให้ร่างกาย ได้ซ่อมแซมแก้ไขปัญหาที่พึงเกิดขึ้น ว่าเหตุอยู่ที่ใด แก้ไขด่วน วิกฤตแล้ว
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า ร่างกายที่ได้แต่อาหารเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
นี้เอง ธรรมชาติจึงได้สร้างสมุนไพรเพื่อเป็นวัตถุดิบ เพื่อใช้ในการแก้ไขซ่อมแซม ร่วมกับอาหาร ให้ร่างกายนำไปแก้ไขวิกฤตที่เกิด
คำตอบที่มักถูกถามว่า คือ เมื่อไหร่จะหาย หรือหายไหม นั่นก็ดูว่า ร่างกายสามารถจัดการวิกฤตอันนี้ได้หรือไม่ หากทำได้ วิกฤตก็จะค่อยๆลดลง และเมื่อวิกฤตหายไป นั่นคือการหายโรค
ดังนั้น สิ่งที่ดูวิกฤต อาทิ น้ำตาลในเลือดสูง มีความดันสูง มีอาการแพ้ ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องวินิจฉัย ที่แม่นยำและถูกต้อง ที่ธรรมชาติสร้าง แล้วส่งสัญญาณให้สมอง สั่งการแก้ไข
การเกิดวิกฤต ยังแสดงให้เห็นว่า ร่างกายเราท่านมีความสามารถในการตรวจจับ วินิจฉัย ประการหนึ่ง แต่ประการที่สำคัญกว่านั่นคือ ร่างกายเราท่าน มีความพร้อมแล้วที่จะต่อสู้
สิ่งดีๆ แต่หลายคนกลับมองว่า เป็นโทษ เราจึงมักได้ยินหลายคนพูดให้ได้ยินเสมอว่า "ไม่เคยมีอาการอย่างนี้เลย ทำไมทานสมุนไพรแล้วเกิดอาการขึ้น สงสัยสมุนไพร..."
ฉิบหายแล้ว ... ทำคุณบูชาโทษ คนประเภทนี้หลวงพ่อนิพนธ์จัดว่า ยากที่จักประสพผล เพราะสมุนไพรมีแต่คุณ เพราะถ้ามีโทษ คนที่นำมา คนที่ทำ ก็ต้องรับโทษนั้นๆ แล้วใครจะมาทำ ไม่เอาเงิน แต่เอาโทษ .... ไม่มีหรอก
เราท่านจึงต้องเรียนรู้สิ่งนี้ แล้วใช้ความขันติอดทน ท่องคาถาพระพุทธเจ้า เป็นสติ .... "ทุกข์วันนี้ สุขวันหน้า"
การจะทำได้ นั่นคือ การสร้างความเชื่อมั่นในกรรมที่ทำมา นั่นคือ พรหมลิขิต ... ไม่ถึงที่ตาย โรคห่าอะไรพิฆาตไม่อาสัญ
มิฉะนั้น สติจะแตก และก็ต้องวิ่งกลับไปให้หมอระงับอาการ เพราะความกลัวมันจะดึงเรากลับไปในเส้นทางเดิม หากแต่หลวงพ่อนิพนธ์มักจะย้ำให้ฟังเสมอว่า ไม่ตาย.... นอกเสียจากพรหมลิขิตเราท่านหมด เพราะไม่มีอะไรจะเหนือพรหมลิขิตแน่นอน
วิกฤตที่มี จึงมาแล้วก็ผ่านไป พร้อมกับความแข็งแกร่งของร่างกาย ที่มากขึ้น
เฉกเช่นคนในอดีต มีเท้าไว้เดิน เป็นวิกฤตในยามที่ต้องไปที่ไกลๆ ไม่มีรถดังเช่นคนสมัยนี้ หากแต่วิกฤตอันนั้น ก็ทำให้คนสมัยก่อนแข็งแรง ร่างกายมีภูมิ ไม่เป็นโรคง่าย