ธุดงค์สุดท้ายของถ้ำกระบอก ที่แม่ชีเมี้ยนยังคงมีชีวิตอยู่นั้น พระได้แบ่งเป็นสามกลุ่ม คือ ท่านจำรูญ ท่านจำเริญ และพระที่อยู่กับแม่ชีเมี้ยน ซึ่งมี ๗ องค์
ท่านเส่ย ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดองค์ ได้เล่าว่า ในธุดงค์นี้พระรู้ดีว่าแม่ชีเมี้ยนท่านใกล้ลาสังขารแล้ว
ความในใจของพระ คือ อยากจะกลับมาไหว้สังขารของท่าน
แม่ชีเมี้ยนทรงทราบ จึงกล่าวคำสอนสุดท้าย เป็นสติให้แก่พระทั้งเจ็ดว่า ไม่จำเป็น
ถ้ำกระบอกแตกแล้ว และจะไม่เหลือซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เมื่อออกไปแล้ว ไม่ให้กลับมาอีก
ที่สำคัญ การกราบไหว้สังขารของท่าน เพื่อแสดงซึ่งความกตัญญูนั้น ไม่มีความจำเป็นแต่ประการใด
หากแต่ถ้าต้องการตอบแทนท่าน และแสดงความกตัญญู ให้นำสิ่งที่ท่านสอนไปปฏิบัติ
ท่านใดทำได้ นั่นแหละเรียกว่ากตัญญู
เมื่อย้อนกลับมา ณ วันนี้ แล้วไซร้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักกล่าวว่า ผู้ที่เป็นชาวพุทธที่แท้ จึงมิใช่อยู่ที่การกราบไหว้พระพุทธ หากแต่อยู่ที่การนำธรรมของท่านมาปฏิบัติต่างหาก
เพราะทรงชี้ให้เห็นว่า "ธรรมคืออำนาจ" ใครทำ ใครได้
ณ.วันนี้ เราท่านจึงมักได้ยินคำนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับคำบอกที่ว่า ถ้ามาแล้วไม่ทำ ก็อย่ามาเสียเวลา ...
ศาสนาพุทธ นี้จึงเรียกอีกชื่อว่า "ศาสนาทำ" นั่นเอง