หากแต่บทวิจัยอีกบทหนึ่ง ที่ระบุเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของความขมที่ได้จากพืช ได้เริ่มแพร่หลายในประเทศที่เจริญแล้ว ทำให้พืชที่มีความขมในตัว อันเป็นพืชพื้นเมืองได้ถูกดัดแปลง และนำไปผสมในอาหารหลักของเขา กลายเป็นอาหารชนิดใหม่ที่กำลังมาแรง เพราะถือได้ว่าเป็นอาหารสุขภาพ นั่นคือ "ขนมปังผักขม"
คนไข้ที่เป็นกรรมการ และมีความเชี่ยวชาญในด้านขนมปัง ได้กรุณานำสูตรมาสอนแก่คนยากไร้ที่ไม่มีอาชีพ และต้องการนำไปเป็นอาชีพเลี้ยงตัว โดยเฉพาะคนไข้ของชมรม วันนี้ เราจึงเริ่มมีขนมปัง ขนมเค้ก มาวางขายให้รับประทาน
กรรมการท่านนั้น คือ หลานสาวของน้าชาติ พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ นั่นเอง ท่านจึงมีความคิด ที่จะดัดแปลงเมื่อมาเห็น คนไข้ทั่วไปที่นำกากยาเขียว ขอกลับไปปั้นกับน้ำผึ้งกินกันอย่างมากมาย
จากความรู้ที่ได้จากหลวงพ่อนิพนธ์ เกี่ยวกับกากยาเขียว ซึ่งท่านกล่าวว่า กากยาเขียวจะมีคุณสมบัติคล้ายไฟเบอร์ เป็นเส้นใยที่คุณสมบัติดูดซับเชื้อราและแบคทีเรีย ในระบบทางเดินอาหาร แล้วรวมตัวกับกากอาหาร เพื่อขับถ่ายออกไป
นอกจากนั้น ด้วยคุณสมบัติของยาเขียวเอง ทำให้มีหน้าที่สมานแผลในระบบทางเดินอาหาร ที่ตัวยาผ่านไป และทำให้ถ่ายง่าย
เหตุที่คนไข้นิยมไปทาน ก็อันเนื่องจากผลจากการทานกากยาเขียวที่ผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอน นั้น ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร
ดังนั้น เมื่อทานกากยาเขียว ผลพลอยได้ นั่นคือ โรคริดสีดวงทวารจะหายไปด้วย จึงเป็นที่นิยมและบอกกันปากต่อปาก ทำให้เห็นว่ามีคนมาเข้าคิวขอกากยา ที่ห้องกระจกในเวลาเย็นกันอย่างมากมายนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์ ได้ยกตัวอย่างผลของกากยาเขียว ที่ท่านได้ให้สัตว์ทาน ไม่ว่า เป็ด ไก่ ม้า หมู ที่เลี้ยงไว้ ทำให้ไม่ต้องใช้วัคซีนใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ปรากฎให้เห็นเด่นชัด โดยเฉพาะเป็ดไข่ ที่แม้มีอายุ ๔ ถึง ๕ ปี แล้ว ก็ยังออกไข่อยู่เลย
จากประโยชน์อันนี้เอง กรรมการท่านนี้ จึงขออนุญาตหลวงพ่อนิพนธ์ ลองทำขนมปัง สูตรใหม่ คือ "ขนมปังผสมกากยาเขียว" ขึ้น
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า ขืนทำไป คนไม่รู้ซื้อไปทาน มันจะได้บอกว่า "ข้าวแกงแพงฉิบหาย แถมขนมปังยังเสือกขมอีก"
ก็รอคอย และรอชิม กันเน้อ.....
น้อยใจนิดหน่อย ก็เพียงว่า ทำไมต้องฝรั่งก่อนทุกทีที่รู้ค่า....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น