เพราะธรรมที่ทรงทิ้งไว้ให้มนุษย์ มันถูกกลบไป นับตั้งแต่สาวกองค์สุดท้าย ละสังขารเข้านิพพาน
นี่จึงเป็นบทพิสูจน์ ว่าผู้ใดทำธรรม ย่อมเจริญ ผู้ใดเอาไปหากิน ฉิบหายแน่
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า "ไม่มีความจำเป็นที่ต้องขายยา"
ชมรมคนรักสุขภาพเจริญมาได้ทุกวันนี้ ก็ด้วยบุญญาธิการของศาสนาที่อุ้มชู ทำให้มีคนมารับรู้ และเข้าใจ สนับสนุน
คนเหล่านี้มาจากไหน ที่เวียนว่ายเข้ามา เห็นแล้วก็ชอบใจ สนับสนุน และทำตาม
แม่ชีเมี้ยนกล่าวว่า ก็สาวกของพระโคดม พุทธบริษัทสองแสนคนในยุคนั้นนั่นเอง ที่ไม่ได้บวช ยังไม่หวังซึ่งนิพพาน เมื่อเขากลับมาพานพบ ก็เหมือนเจอะเจอเพื่อนเก่า รู้ใจ แค่มองตา ก็เข้าใจแล้ว
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า เรื่องของศาสนา จึงเป็นเรื่องของคนเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ที่เชื่อแล้วทำตาม
บทสรุป สมุนไพรสูตรพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จึงเป็นทางเลือก ที่จะมีคนชอบเพียงกลุ่มหนึ่ง ที่จะรอดเพราะเดินตามคำสอนของพระภูมี และได้รับผลจากการปฏิบัติ
หากแต่คนส่วนใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องเลือก และสามารถอยู่ได้ เพราะทุกคน มีพรหมลิขิตกรรมที่ทำมา เป็นตัวกำหนดให้อยู่ได้อยู่แล้ว
ความแตกต่างของคนทั้งสองกลุ่ม ก็จะปรากฎให้เห็นเด่นชัด วัดกันที่ตอนตายนั่นเอง ก็มีแต่คนที่มีธรรมของพระภูมีเท่านั้น ที่จะได้สมบัติติดวิญญาณไปทุกภพทุกชาติ นั่นคือ ความไม่มีโรค
เมื่อมีผู้ทำได้ นั่นแหละคือรอยยิ้มของพระภูมี ที่บังเกิดจากธรรมที่ทรงทิ้งไว้ให้ มีความหมายแล้วนั่นเอง
การทานสมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า อุปมาเหมือนเครื่องวัดบุญวัดวาสนา ระหว่างเราท่านกับพุทธศาสนา นั่นเอง
หากมีวาสนา แม้นอาการที่มาจะดูสาหัส เมื่อทานสมุนไพร ก็ผ่านได้ดั่งปาฎิหารย์ หากไม่มีวาสนาแล้วไซร้ ท้ายที่สุด ก็พ่ายแพ้นิสัยตน ทำให้หลุด หรือมีอันต้องหยุดทาน ...