สูตรสมุนไพรสำเร็จ ที่เราได้สัมผัสกัน อาทิ เช่น ยาหยอดตา และที่เรียกว่า เป็นพระเอกนับตั้งแต่เปิดถ้ำนั่นคือ "ยาตัด"
แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า เดิมตั้งใจที่จัดทำขึ้นครั้งแรก เพื่อใช้เป็นสมุนไพรที่มีหน้าที่ตรวจร่างกาย ว่าตรงจุดใดมีปัญหา ซึ่งเมื่อทานแล้วจะปรากฎอาการ ให้เห็นในจุดที่ร่างกายมีปัญหา ประมาณครึ่งชั่วโมง
หลังจากนั้นมา จึงได้เพิ่มสมุนไพรที่มีฤทธิ์ ในการรีดสารเคมี เพื่อใช้กับผู้ป่วยยาเสพติด
คำที่ร่ำลือกันในอดีต ที่ว่าสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ป่วยยาเสพติดรายใด ที่เลิกแล้ว แล้วกลับไปเสพอีก จะทำให้คนคนนั้นตาย หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ไม่ใช่
แท้ที่จริงแล้ว สมุนไพร "ยาตัด" จะมีคุณสมบัติที่ออกฤทธิ์รุนแรง โดยเฉพาะกับสารเคมี โดยจะทำหน้าที่ล้างสารออกบริเวณที่ติดอยู่ เช่นกระดูก หรืออวัยวะต่างๆ รวมทั้งทำให้เลือดกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง
เมื่อผู้ป่วยกลับไปเสพอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่า หลังจากการทานสมุนไพร "ยาตัด" แล้วนั้น ร่างกายจะสร้างภูมิต่อต้านสารเคมี ขึ้นในร่างกาย เมื่อเสพยาเข้าไป จึงเกิดอาการช็อค คือ ร่างกายต่อต้านสารยา จนร่างกายรับไม่ไหว นั่นเอง
ต่อมาเพื่อให้คนป่วยทั่วไปใช้ จึงได้เพิ่มตัวยา ที่มีคุณสมบัติสามารถแยกแยะและรีด สิ่งทีไม่ใช่เซลล์และอวัยวะของร่างกาย ออกไปได้
ดังนั้น ภาพที่เห็นจนชินตา นั่นคือ คนไข้มะเร็ง ที่อาเจียนออกมาเป็นวุ้น และมีจุดดำๆ เต็มไปหมด นั่นคือ เซลล์มะเร็ง
และคนที่สามารถ ทำยาตัด ได้ มีเพียงสองท่านคือ ท่านจำรูญ และหลวงพ่อนิพนธ์ จึงเป็นเหตุให้ ท่านจำรูญ บังคับให้หลวงพ่อนิพนธ์สาบาน ในปี ๒๕๑๐ เมื่อออกจากถ้ำว่าจะไม่ไปบวช และตั้งสำนักแข่งกับท่านนั่นเอง
แลครั้นเมื่อปี ๒๕๑๒ ที่ท่านแม่ชีเมี้ยนจะลาสังขาร จึงได้เรียกหลวงพ่อนิพนธ์เข้าไปหา และมอบตำราให้ พร้อมกับกล่าวว่า ในอนาคต จะมีโรคใหม่ที่ร้ายแรง คนจะเป็นกันมาก อีกสามสิบปีข้างหน้า ให้เพิ่มตัวยาบางชนิด ลงไปในสมุนไพร "ยาตัด" เพื่อใช้ในการรักษาโรคนั้น
จนกระทั่งปี ๓๐ เมื่อหลวงพ่อนิพนธ์ได้เปิดสำนักขึ้นอีกครั้ง ก็เริ่มปรากฎโรคเอดส์ขึ้น ทำให้ท่านคิดว่า โรคที่แม่ชีเมี้ยนกล่าวถึง ก็คือโรคนี้นั่นเอง ดังนั้น เมื่อมีคนไข้โรคนี้เข้ามา ท่านจึงรับไว้และทดลองให้การรักษา ก็ประสพผลสำเร็จพอควร และมีคนไข้เอดส์ที่ยังอยู่กับท่าน มาจนทุกวันนี้ ที่อาสาอยู่ช่วยงานท่าน ๔ คน ซึ่งก็ล้วนมีสุขภาพที่แข็งแรง แม้จะผ่านมากว่าสิบปีแล้ว
ปัจจุบัน ก็ยังรับรักษาอยู่เรื่อยๆ รายล่าสุด ก็วิศวกรหนุ่มจากรั้วจุฬา ที่พลาดท่า ไปติดเชื้อ แต่ก็ปิดทางบ้าน และเรียนจนจบ หากแต่อาการได้ปรากฎ จนไม่สามารถไปรับปริญญาได้ มาวันนี้ อาการที่ปรากฎก็เคลียร์ หายจนเป็นปกติ กลับไปรับปริญญา และกลายเป็นอาสาของชมรม
หากแต่ปัจจุบัน หลวงพ่อนิพนธ์ ไม่ได้อนุญาตให้คนทาน สมุนไพร "ยาตัด" อีกเลย นอกจากคนไข้ ยาเสพติด และ เอดส์
คนในชมรมยุคนี้ หลายคน ที่รับสมุนไพร "ยาตัด" ไป ก็เพื่อทาแผลเท่านั้น ไม่ว่าแผลใดๆ และรู้แต่เพียงว่า สมุนไพรตัวนี้ ทำให้แผลหายเร็ว ไม่มีรอยแผลเป็น และเข้าใจว่าเป็นสมุนไพรที่ใช้ทาได้อย่างเดียวเท่านั้น
และที่หลายคนไม่รู้ แต่หลวงพ่อนิพนธ์เตรียมการณ์ตามพยากรณ์ของแม่ชีเมี้ยน นั่นคือ ท่านได้นำเงินส่วนตัวของท่าน จัดหาที่ริมน้ำ หลังเขื่อน ที่ที่มีอากาศ และภูมิทัศน์ ที่เหมาะสมกับคนไข้เอดส์ ไว้ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ โดยพื้นที่นี้ ตอนซื้อมีแต่ก้อนหิน และพงหญ้า ปัจจุบัน กลายเป็นสวนต้นไม้ร่มรื่น และมีอาคารเตรียมรองรับคนไข้ ซึ่้งคนไข้ที่เวียนมา ในขณะที่ยังไม่ได้เปิดรับเป็นทางการ ก็จะถูกส่งมาที่นี้ เพื่อพักฟื้น
ท่านมักกล่าวเสมอ ถึงอดีตถ้ำ ที่เมื่อคลื่นมหาชนจะหลั่งมา จะรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน พื้นที่นี้ ได้เตรียมการมานับสิบปี จึงควรเตรียมการณ์ไว้แต่เนิ่นๆ
ใครจะว่าโรคนี้รักษาไม่ได้ก็ช่าง แต่เราเห็นมาจนชินตา ผ่านมามากหลาย และคนที่ท่านเห็นว่าแข็งแรง ทำงานไม่หยุด บางคนในชมรม นั้นก็เป็นตัวอย่าง .....
วันใดที่สมุนไพร "ยาตัด" กลับมาอาละวาดอีกครั้ง ท่านจะรู้ว่า ข้าวแกงที่ท่านทาน น้ำที่ท่านดื่ม ขนมที่ท่านซื้อ มันให้อะไรแก่มนุษย์ผู้ทุกข์ผู้ยากมหาศาลแค่ไหน และวันหนึ่งท่านจะภูมิใจ ว่าประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของโลก ในการช่วยเหลือมวลมนุษย์ชาติ ท่านก็มีส่วนร่วม
ภาพอดีตที่ยังตรึงตรา เมื่อครั้งพระหนุ่ม ที่เป็นเอดส์แบบมีพิษ ด้วยเหตุที่สมัยเป็นฆราวาสนั้นเป็นลูกเรือ ไปหาปลาทางแถบประเทศอินโดนีเซีย แล้วติดเชื้อมา อันมีลักษณะเมื่อถึงที่สุดแล้วร่างกายจะคล้ายถูกไฟไหม้ ทั้งตัว และถูกกัดกินเข้าเนื้อ จนเรียกว่า อวัยวะบางส่วน ดึงแรงหน่อยก็ขาดดามมือมาได้เลย
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า นี่เป็นกรณีที่สำคัญ หากสามารถทำให้กลับมาปกติได้ ด้วยสูตรของแม่ชีเมี้ยนที่ให้ ก็วางใจได้ว่าโรคนี้มีทางช่วยได้ หลังจากผ่านคอร์สยาตัดหนึ่งเดือน พระรูปนี้ ก็กลับมาปกติ ผิวพรรณไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย และแข็งแรงจนสามารถไปเดินธุดงค์เป็นร้อยๆ กิโลได้
ที่สำคัญ พระรูปนั้นท่านก็มั่นใจว่าท่านเป็นปกติแล้ว พร้อมกับการหนีกลับบ้านทิ้งธุดงค์ เมื่อเดินจากลพบุรี ไปถึงนครสวรรค์ ผ่านแดดผ่านฝน มาเป็นแรมเดือน โดยไม่มีอาการทรุดปรากฎ...
ของดีที่แม่ชีเมี้ยนทิ้งไว้ให้ ได้แต่ร้องเพลง ....ผิดหวังนิดหน่อย น้อยใจในความเป็นไทย ไม่รู้ เมื่อไหร่ คนไทยจะรักของไทย ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น