วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

ของใคร

หลักของพระพุทธศาสนา อันเป็นเคล็ด ล้วนแล้วมีที่มาจากวันที่ พระโคม สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วพิจารณาสัตว์โลก และทรงเห็นว่า ธรรมของท่าน มนุษย์ทำได้ยาก จึงตัดสินใจอดอาหารเพื่อเข้านิพพาน

หากแต่ฟ้าดิน ให้สติพระโคดมว่า ธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้น ยังไม่ได้ทำประโยชน์แก่ผู้ใดเลย พระโคดมจะเอาบุญที่ไหน พาไปนิพพาน

พระโคดม จึงบัญญัติธรรมหมวดแรก เพื่อสอนสาวก นั่นคือ ธรรมหมวด "ตนพึ่งตน" และ แนวทางที่จะทำให้ตนพ้นทุกข์ คือ "ให้สุขแก่เขา สุขนั้นถึงตัว"

หลวงพ่อนิพนธิ์ เป็นผู้ซึ่งชอบการปลีกวิเวกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงถูกแม่ชีเมี้ยน ให้สติว่า การทำเช่นนั้น มันวิสัยของพวกฤาษี คือ พวกเห็นแก่ตน ไม่สนผู้อื่น ไปนิพพานไม่ได้หรอก

เวลาทำบาปทำกรรม ท่านทำกับใคร ไม่ใช่มนุษย์กับสัตว์หรอกหรือ เมื่อจะมาหาบุญ พระภูมีจึงบัญญัติ ว่า ก็ต้องหากับมนุษย์และสัตว์ จะเดินเลยหาได้ไม่

ดังนั้น จึงต้องมาเรียนสมุนไพร มาทำให้ มาคลุกคลีกับมนุษย์และสัตว์ เมื่อการให้นั้นทำให้เขาเป็นสุข จึงได้บุญมาบันดาลให้เราเกิดสุข

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงสรุปให้เห็นภาพง่ายๆ ว่า ถ้ากวาดบ้านเราก็ไม่เป็นบุญ จะเลี่ยมลื่นสักฉันใด ก็หาบุญได้ไม่ หากแต่ไปกวาดบ้านผู้อื่น และเมื่อเขามานั่งมาใช้ นั่นแหละจึงเป็นบุญ

หลักตนพึ่งตน จึงแฝงไว้ว่า จะช่วยตน ต้องใช้สติ เพื่อให้ตนของเราใช้สายตาสอดส่ายเพื่อหาบุญ แล้วบังคับกายไปทำ

สิ่งหนึ่งที่เป็นภูมิปัญญาของพระภูมี นั่นคือ การสร้างที่รวมคนทุกข์ เพื่อให้มีโอกาสได้ทำบุญได้มาก

สถานที่รวมคนทุกข์ จึงมีความหมาย เพราะนั่นคือแหล่งบุญ หรือเนื้อนาบุญ นั่นเอง

เมื่อมีคนเสียสละ เห็นคนทุกข์ลำบาก จึงจัดหาเก้าอี้มาให้นั่ง

เมื่อคนนั่งมีความสุข และปรารถนาจะให้สุขคืนแก่ผู้เสียสละ ที่นำเก้าอี้มา ก็พยายามที่จะรักษาเก้าอี้นั้นไว้ให้ใช้ได้นานที่สุด นั่นคือ เมื่อไม่ใช้ก็เก็บไว้ในที่ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เสียหายชำรุด ก่อนเวลาอันควร เรียกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ต่างฝ่ายต่างมีน้ำใจ ช่วยกัน

หากแต่ไปเจอคนพาลเข้าให้ ไม่สน ไม่ใช่ของข้า ใช้ก็ไม่รักษา จะเสียหายอย่างไรก็ช่าง เดี๋ยวของใหม่ก็มา

พฤติกรรมอกัตญญูเช่นนี้ น่ากลัวยิ่ง เพราะเป็นอุปสรรคที่ทำให้การทานสมุนไพรล่าช้า หรือไม่เป็นผล นั่นเอง

ของของเรา จะรักษาหรือทิ้งขว้าง ก็หาเป็นไรไม่

หากแต่เป็นของที่เขาตั้งจิตอธิษฐาน จะใช้ทิ้งใช้ขว้าง ไม่รักษา เพราะไม่ใช่ของตน ควรคิดให้ดี

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า การทานสมุนไพรให้หาย ไม่ยากเลยหากรู้เคล็ด

และผลตัดสิน ก็ไม่ต้องรอ พยากรณ์ได้เลยจากพฤติกรรมนั่นแล

การไม่รักษาของใช้ ช้อนส้อม เก้าอี้ สถานที่ อยากทิ้งขยะก็ทิ้ง เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่กำลังสร้างทุกข์ให้แก่ผู้อื่น และโดยเฉพาะสถานที่ที่กำลังจะให้สุข

ที่ที่เดียวกัน ให้คุณอันมหาศาล ก็ให้โทษมหาศาลเช่นกัน ดุจดังธรรม ให้คุณถึงนิพพาน แต่ก็ทำให้ธรณีสูบได้เช่นกัน

จึงไม่แปลก กับคำกล่าว ที่มักได้ยินหลวงพ่อนิพนธ์พูดเสมอ "โรคไม่น่ากลัว นิสัยต่างหากที่น่ากลัว"

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอ ว่า เมื่อคนไข้กลับ แล้วท่านขับรถตรวจตรา เห็นช้อนจานโดนทิ้งขว้าง เป็นเก้าอี้วางเกลื่อนกลาด ทิ้งตากแดดตากฝน เห็นขยะเต็มพื้นที่ ก็ต้องทำใจ

เพราะนั่นคือสิ่งที่บอกว่า คนเหล่านั้น ฟังภาษาที่ท่านพูดไม่เข้าใจ แล้ววันหนึ่ง คนเหล่านี้ก็จะตีโพยตีพายว่า ทำไมมาตั้งนานทานแล้วไม่หาย

ก็เขาหาสุขจากการทำให้ตนเอง หาสักเท่าไร ก็คงหาไม่เจอ

ปากบอกว่าเชื่อ ศรัทธา พระภูมี แต่พฤติกรรมสวนทาง เพราะบัญญัติของพระภูมี ทรงสอนให้หาสุขจากการทำให้ผู้อื่น

ถึงวันนี้จึงไม่แปลกใจในคำสอนที่แม่ชีเมี้ยนทรงให้สติหลวงพ่อนิพนธ์ ที่ว่า เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะช่วยทุกคน ไม่ใช่สมุนไพรไม่ดี ธรรมไม่มีอำนาจ แต่นิสัยของเขาต่างหากที่เป็นอุปสรรค ท่านต้องทำใจ

วันที่เรารู้เรื่องศาสนา จะทำสิ่งใด ไตร่ตรองให้ดี ว่าสิ่งที่ทำนั้น "ให้สุขหรือทุกข์แก่ผู้อื่น" เพราะนั่นคือพรหมลิขิตที่รอเราอยู่วันข้างหน้า

หากสร้างทุกข์ เป็นพรหมลิขิตรออยู่ จะให้กราบ และร้องขอ สักฉันใด ก็คงเป็นเพียงแค่ลม เพราะคำพูดนั้นเป็นลม แต่สิ่งที่ทำนั้นเป็นตน ไปรอเราอยู่เสียแล้ว

หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักสอนให้สติว่า "ของกูช่างมัน ของคนอื่นต้องทำให้ดีที่สุด"

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44