เมื่อเปรียบเทียบ ประสิทธิภาพ หรือ วัดจากการหวังผล อันดับแรกก็ต้องให้แก่ การบวชปฏิบัติ แล้วทานสมุนไพร ซึ่งให้ผลค่อนข้างมั่นใจได้ในผลสำเร็จ
อันดับถัดมา ก็ต้องอาศัยสมุนไพรตัวที่หลวงพ่อนิพนธ์เพิ่งได้รับอนุญาตให้จัดทำได้อีกครั้ง ที่ซึ่งเป็นสมุนไพรสร้างชื่อให้กับถ้ำกระบอกในอดีต นั่นคือ "ยาตัด" หรือที่หลายคนรู้จักในนาม "ยาอ๊วก" นั่นเอง
เมื่อการไปครั้งนี้ ทำให้คนป่วยมีหนทางที่จะย่นย่อระยะเวลาในการรักษาตนให้เร็วขึ้น ทั้งนี้เพราะประสิทธิภาพของยาตัด ที่แม่ชีเมี้ยนเรียกว่า "ยาตรวจโรค" มีคุณสมบัติที่เฉียบขาด รวดเร็ว ในการค้นหาโรคหรืออาการ ที่อยู่ในร่างกายทุกตารางนิ้ว และก่อให้เกิดอาการที่เรียกว่า "รีดโรค หรือ แซะโรค" แล้วรีดมาอยู่ในกระเพาะ เพื่อนำออกโดยการอาเจียน
อันจะเห็นได้จาก หนังเรื่อง "น้ำพุ" หรือสารคดีของถ้ำกระบอกในอดีตนั่นเอง
กระบวนการที่แม่ชีเมี้ยนกำหนดในอดีต จึงเริ่มด้วยการใช้สมุนไพรชนิดนี้ เพื่อกำจัดโรคออกจากร่างกายเสียก่อน แล้วจึงใช้สมุนไพรชนิดอื่น ตามมาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
ดังนั้น ในอดีตจึงมีคำกล่าวว่า โรคใดๆ มักจะจบด้วยการทานสมุนไพรชนิดนี้ ประมาณ ๕ แก้ว
หากแต่วิธีนี้มีข้อจำกัดในการใช้ อันทำให้ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน นั่นคือ ต้องอาศัยคุณสมบัติของผู้ทานประกอบ
ดังเช่นคำทักท้วงของท่านผู้หญิงที่มีต่อหลวงพ่อนิพนธ์ ว่าทำไมปัจจุบันนี้ คนที่ทานสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน จึงไม่ต้องมีข้อกำหนดหรือวัตรปฏิบัติอันใดเลย ก็ด้วยไม่ได้ใช้สมุนไพรตัวนี้นั่นเอง
ดังนั้น การที่คนใดจะได้เดินเส้นทางนี้ ก็ต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติจากหลวงพ่อนิพนธ์ก่อน
ภาพในอดีตของคนไข้ท่านหนึ่ง ที่เป็นเพื่อนหลวงพ่อนิพนธ์ รู้ว่ามีสมุนไพรดี แต่ความเป็นเพื่อน ทำให้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เมื่อเกิดอาการโรคมะเร็ง หลวงพ่อนิพนธ์ก็จัดสมุนไพรตัวนี้ให้ทาน ผลที่ปรากฎก็คือ ไม่ว่าจะทานไปกี่แก้ว เพื่อนของท่านก็ไม่มีอาการอะไรปรากฎตอบสนองสมุนไพรเลย ทานแล้วเหมือนไม่ได้ทาน หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า เพราะเขาขาดคุณสมบัตินั่นเอง ทำให้สมุนไพรขวดเดียวกัน มีผลกับคนอื่น แต่ไม่มีผลกับเพื่อนคนนี้เลย
หนทางเล็กๆนี้ ที่หวังผลได้เช่นกัน จึงเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มคนที่มีคุณสมบัติเท่านั้นเอง
หากแต่การเข้าประเทศพม่าก็ไม่เสียเปล่า เพราะทำให้ได้หนทางที่ย่นระยะทางอีกหนทางหนึ่ง นั่นคือ อาศัยการเกาะผ้าเหลือง หรือผู้ปฏิบัติ ดั่งเช่นพระถ้ำกระบอกในอดีต
กระบวนการนี้ ก็ต้องอาศัยดั้นด้นไปยังสำนักของแม่ชีเมี้ยนในพม่า ที่ซึ่งมีพระฉันมื้อเดียว รถเรือไม่ขึ้น เงินทองไม่รับ ปฏิบัติตน ตัดกิเลส ตามรอยพระภูมี หากได้มีโอกาสไปตักบาตรสักครั้ง หรือ ไปร่วมสนับสนุนกิจกรรมของพระที่นั่น การทานสมุนไพรก็จักบังเกิดผลเร็วขึ้นเช่นดั่งถ้ำกระบอกในอดีต
ตอนนี้ด่านพม่าทางช่องบ้านเก่า ก็ได้ฤกษ์เปิดเป็นด่านถาวรแล้ว ... ประตูนี้จึงเรียกว่าเริ่มเปิดแล้วเช่นกัน
สำหรับกระบวนการที่ทำอยู่ในตอนนี้ เรียกได้ว่าช้าที่สุด จะหวังผลได้ก็น้อย เพราะต้องพึ่งผู้ทานเป็นสำคัญ อาศัยแรงตนเองช่วยตนเพียงอย่างเดียว ใครทำได้ จึงรอด
หนทางแห่งการหายโรคทั้ง ๔ หนทาง ใครจะเลือกทางไหน ก็พิจารณา แล้วเดิน .... แต่ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่ทำให้การช่วยตนให้หายโรค ไม่ว่าโรคอะไร เป็นไปได้ทั้งหมด ... จะช้าเร็ว ยากง่าย ก็ตามแต่หนทางที่เลือกเดินเท่านั้นเอง