วันก่อนไปฟังอาจารย์อร่าม บรรยาให้คนไข้ใหม่ฟัง และทุกครั้งในช่วงท้าย ก็มักจะเป็นการตอบคำถาม
สมาชิกท่านหนึ่งมีอายุแล้ว หลังจากฟังแล้วถามว่า ตามที่บรรยายว่า เมื่อทานสมุนไพรแม่ชีเมี้ยนแล้ว ต้องหยุดยาเคมี หรือพยายามค่อยๆ ลด หากแต่ถ้าเขาประสงค์ที่จะทานทั้งสองอย่าง ไปด้วยกัน จะได้ไหม
เหตุผลของเขา คือ ไม่วางใจสมุนไพร อยากทานแต่ก็ไม่อยากทิ้งยาเคมีที่ทานอยู่
หัวข้อนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ก็บรรยายให้ฟัง เรียกว่าแทบจะทุกครั้งว่า ทำอย่างนั้นไม่ได้
เพราะคุณสมบัติของเคมี มีไว้เพื่อระงับอาการ แล้วเก็บซ่อนต้นเหตุไว้กับตัว รอการระเบิด ในขณะที่สมุนไพร มีไว้เพื่อรักษา ดังนั้นจึงต้องคุ้ยอาการที่เป็นอยู่ออกมา เพื่อให้เกิดวิกฤติ และร่างกายรับรู้ แล้วต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ดังนั้น หากท่านใดจะชวนชัก ใครมาทานสมุนไพร หรือบอกเล่า บอกต่อ ก็ควรให้ความรู้ประการนี้แก่คนเหล่านั้นด้วย
มิฉะนั้นแล้ว การมาของคนเหล่านี้ย่อมจะสูญเสียทั้งเวลา ทั้งเงินทอง ในท้ายที่สุดก็จะเสียจิตด้วย เพราะไม่มีทางเลย ที่คนเหล่านี้จะประสพผล
คนที่จะเลือกแนวทางสมุนไพร จึงต้องเป็นคนเอาเหตุ เอาผล ที่ได้ยินได้ฟัง จากหลวงพ่อนิพนธ์ ไปพิจารณา แล้วตัดสินใจ เพราะสิ่งที่กำลังจะเดินไป ในแนวทางสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ย่อมต้องเป็นครรลองของพระภูมี จึงเลี่ยงไม่ได้เลยว่าเส้นทางนี้ ต้องทุกข์ในขณะที่เดินอยู่ ไม่ว่าจากการทาน จากการต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนิสัย และที่สำคัญ จากการปล่อยให้อาการเกิด คือลงแดง แล้วรอจนกระทั่งร่างกายสามารถเอาชนะอาการที่ปรากฎ นั่นคือ การหาย
บัญญัติของพระภูมี จึงเริ่มด้วยทุกข์วันนี้ เพื่อสุขวันหน้า หากแต่บัญญัติของยาเคมี คือ สุขวันนี้ ที่จะไม่มีอาการ แต่ไปทุกข์วันหน้า คือ ความเลวร้ายสุดๆ
ทิ้งเคมีไม่ได้ หรือไม่คิดจะทิ้ง ก็ลืมทางสายนี้ไปเถอะ ... เพราะการหายเป็นฝันลมๆ แล้งๆ ที่ไม่อาจเป็นจริงได้เลย