วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฟังทุกวัน ฟังอะไร

หลายคนมักบ่น ว่าทำไมต้องฟังหลวงพ่อนิพนธ์ บางคนอาจจะบอกว่า เบื่อสุดๆ ไม่อยากฟัง อยากแค่ได้อบตัว เอาสมุนไพรไปทาน แค่นั้นเอง

หากแต่สิ่งที่คนเหล่านั้นคิด นั่นคือพฤติกรรมที่คนทั้งโลกเขาทำกัน นั่นคือการขอนั่นเอง

การมาของคนเหล่านี้ จึงมุ่งมาเหมือนคนไปขอพร ไม่ว่า เจ้าพ่อ เจ้าแม่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ที่เขานับถือ แล้วก็เออออว่าได้พรตามคำขอแล้ว กลับไปต้องสมประสงค์

เมื่อลืมตามาครั้งใด ความจริงก็ปรากฎตรงหน้า นั่นคือ ความเจ็บ ความปวด ความทรมาน จากทุกข์ของตนก็ยังอยู่ครบ มีแต่เพิ่มไม่มีลด ไม่ว่าจักขอสักฉันใด

นิสัยอันนี้เอง ก็นำมาเหมารวมกับสมุนไพรของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา นั่นคือ มาแล้ว รับสมุนไพรไปทาน ก็เหมาเอาเองเลยว่า สมุนไพรดี สิ่งที่ตนเป็นจึงจักต้องหาย

พฤติกรรมที่ทำ จึงไม่ต่างกับการขอพร เพราะไม่คิดจะฟัง เรียนรู้ พิจารณาเหตุและผล แล้วนำไปปฏิบัติเพื่อช่วยตนเลย พูดง่ายๆ ขอให้หายโรค โดยไม่เปลี่ยนอะไรของตนเลย ...

แนวทางขอพรไม่เคยให้ผลสำเร็จแก่ผู้ใดฉันใด การทำเช่นนี้ ก็ไม่เคยมีผุ้ใดประสพผลเช่นเดียวกัน

เพราะหลักของพระภูมี คือ หลักตนพึ่งตน นั่นคือ อยากได้ ต้องทำเอง และเรียนรู้ว่า จักต้องนำสิ่งใดไปทำ และทำอย่างไรจึงจักเกิดผล

สิ่งนี้ต่างหากที่เราท่านไม่รุ้ จึงต้องมีผู้นำ พูดให้ฟัง ชี้ให้เห็น ซึ่งเหตุและผล แล้วจึงเดินตาม เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้ ไม่คุ้นเคย

ก็ถ้าความรู้เราท่านดีอยู่แล้ว ช่วยตนได้ จักมาสถานที่นี้ทำไมกัน นั่นแหละเป็นข้อพิสูจน์ว่า หลักที่เราท่านยึดถือปฏิบัติ นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งทีคิดไปเอง ไม่มีอยู่จริง เมื่อทำแล้ว จึงช่วยตนของเราท่านไม่ได้เลย

การฟังหลวงพ่อนิพนธ์ ทำให้ได้รู้ว่า การกระทำเช่นไร ถูก เช่นไรผิด บาปมหันต์ที่เราท่านอาจสร้างโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และที่สำคัญ แนวทางบุญที่แท้จริง ทำแล้วเกิดผล ต้องทำอย่างไร

ฟังแล้ว ไม่ชอบไม่เป็นไร ไม่ทำก็ไม่เป็นไร หากแต่คนที่ชอบ แล้วอยากทำตาม ก็จักได้พิสูจน์ทางเลือกอันนี้ แล้ววัดกันที่ผล ดั่งภาษิต ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน

เรื่องที่แม่ชีเมี้ยนทรงย้ำให้หลวงพ่อนิพนธ์ ร้องปล่าวแก่พี่น้องคนไทย เพื่อนร่วมชาติ ประการแรก จึงเป็นการยุยงให้หยุดบาป ที่พึงทำกับตน เป็นปฐม นั่นคือ การไม่ทำลายชีวิตตน ด้วยการทานเคมี

นิยายเรื่องการทานเคมี และการไม่ทาน จึงเป็นเรื่องหลักที่ต้องฟัง และทำความเข้าใจ ให้รู้ถึงแก่นแท้ว่า คุณโทษ เกิดจากเหตุใด อันเป็นจุดเริ่มของการตัดสินใจที่จะเลือกทางเดิน

นิยายพุทธประวัติ ย่อมหนีไม่พ้นเรื่อง "กรรม" และ "บุญ" จึงต้องศึกษาและฟังว่า ด้วยเหตุผลใด สิ่งที่เรายึดถือ และเดินตามมาตลอดชีวิต จึงให้ผลเช่นปัจจุบัน แล้วสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ควรหรือไม่ที่จักเป็นทางเลือกใหม่ ให้เดิน

การไม่เรียนรู้ ผลจึงไม่เปลี่ยนพฤติกรรม และนำมาซึ่งความไม่ประสพผลที่ต้องการ คนเหล่านี้ย่อมมีมากกว่าคนที่เรียนรู้ แล้วทำจนประสพผล อย่างแน่นอน

หากแต่ควรให้คนที่ไม่คิดจะทำ ผ่านมาและผ่านไป เร็วที่สุด หรือไม่ก็อาศัยคนที่ทำ ทำตนจนเป็นพลังชวนชักให้คนเหล่านี้กลับมาทำ ...

สุดท้าย ที่ควรจะมีปรากฎแก่ตน นั่นคือ คำตอบที่ว่า ทางเลือกสายนี้ พาตนของเราท่านไปที่ใด

นั่นคือ คำตอบของคนที่มีคุณสมบัติในการหายโรค และ จุดสุดท้ายที่จะต้องไปยืน ตามทางเลือกนี้ นั่นคือ เปลี่ยนตนเป็นคนดี มีธรรมประจำใจไว้ปฏิบัติ ควบคุมตน เป็นปูชนียบุคคล โดยมีรางวัลคล้องคอ คือ ความไม่มีโรค

หากมาแล้ว ฟังแล้ว กลับบ้านก็เหมือนเก่า เป็นคนเก่า ทำสิ่งเก่าๆ ไม่มีคำตอบแก่ตนอันใดเลย นั่นคือ การฟังก็สูญเปล่า ไม่มีผลแก่คนประเภทนี้เลย .... ขอจงมาเร็ว ไปเร็ว อย่าอยู่เปลืองสมุนไพร และเนื้อที่นานไปนัก เก็บไว้ให้คนที่ต้องการ ก็จักเป็นผลบุญสุดท้ายที่ทำได้ดีกว่า

เมื่อรู้หนทางทำถูก ก็จักเข้าใจความหมายที่ว่า สมุนไพรไม่ต้องทานเยอะ ทานแค่เป็นสื่อก็เพียงพอแล้ว เพราะไม่มีอันใดจักดีไปกว่า บุญรักษา แล้ว

บทสรุปของการฟัง นั่นคือ หาธรรมของพระภูมี ที่แท้จริงให้เจอ แล้วเก็บไปปฏิบัติ และหาเหตุแห่งกรรมทีเราท่านทำให้เจอ แล้วหยุดเสีย และก็ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเรื่องที่จะได้ฟัง ย่อมต้องสวนทางกับความรู้เก่า นิสัยเก่าที่เราท่านทำ กันอย่างสิ้นเชิง

ที่สำคัญกว่าอีกนั่นคือ นอกจากขอพรไม่ได้ ยังต้องทำด้วยตนเองอีก เรียกว่า ใครทำใครได้

จึงไม่แปลกใจเลยว่า คนฟังเป็นพัน คนทำมีแค่ร้อย ก็เพราะการฟัง และการทำมันไม่มีมาตรฐาน เหมือนกันทุกคนนี้เอง จะเหมาเข่งว่าคนที่มาจะมีมาตรฐานในการประสพผลกันทุกถ้วนตัวคน คงจักเป็นไปไม่ได้

ธรรมพระภูมี ดีอยู่แล้ว สมุนไพรพระภุมี ก็ดีอยู่แล้ว สองสิ่งพร้อมแล้ว แต่ผลไม่ได้ขึ้นกับสองสิ่งนี้ กลับชี้วัดกันที่ "ใครทำ ใครได้" นี่ซิ

ยกตัวอย่าง เช่นคนไข้อัมพฤกต์ อัมพาต ที่จักต้องเปลี่ยนมาทำทุกสิงอย่างด้วยตนเอง และระงับอารมณ์โกรธ โมโหง่าย จักประสพผลได้ฉันใด ในเมื่อทานยา ก็จักต้องป้อนทุกครั้ง เดินต้องพยุงตลอด เรียกแล้วมาช้า ทำไม่ทันใจ ก็โมโห ด่าว่า หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ก็กรรมมันทำให้เกิดนิสัยเบียดเบียนผุ้อื่นตลอดเวลา แล้วจะหลุดจากโรคได้อย่างไร ด้วยการเบียดเบียนตลอดเวลา ไม่คิดจักพึ่งตนเลย

แค่สามารถทำตน จนกลับมาช่วยตน เรียกได้ว่าเป็นปูชนียบุคคล ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เท่านี้ แม้นตายก็ตายตาหลับ อย่างน้อยก็สร้างสุขให้แก่ลูกหลาน หรือคนที่ตนรักก่อนตาย

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44