วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อะไรน่ากลัวกว่า

สมัยนี้คนทั้งหลายแค่ได้ยินว่าโรค และตามด้วยคำขู่ ว่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ และก็ไม้เด็ด คือ "ตาย" ก็ดิ้นกันจ้าหละหวั่น ทำตัวเข้าล็อคที่ฝรั่งวางไว้ นั่นคือ สุภาษิต กระต่ายตื่นตูม

เมื่อขาดสติ ก็ขาดทิศ ขาดปัญญาพินิจพิจารณา ลืมเลือนความเป็นจริง ที่พระพุทธเจ้าตรัส ที่ว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" อันเป็นที่มาของคำว่า ไม่ถึงที่ตาย ไม่วายชีวาวาตย์ ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ โรคห่าอันใด ก็ทำให้ตายไม่ได้

แต่โรคแม้จะชื่อยิ่งใหญ่น่ากลัวสักฉันใด ก็ฆ่าได้แต่ผู้ที่เป็นซึ่งโรคนั้น เท่านั้นเอง

พระภูมี จึงทรงชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่น่ากลัวกว่า นั่นคือ นิสัยของคน เพราะมันสามารถฆ่าคนได้มากมายในคราเดียว หรือทำให้คนมากมาย และสรรพสัตว์ต้องเดือดร้อน ทุกข์ยากลำบากได้

ดังนั้น แม่ชีเมี้ยนจึงทรงตรัสว่า พระภูมีจึงทรงชี้ว่า โรคเป็นเพียงปลายเหตุ เป็นปัญหาก็เล็กน้อย หากแต่ต้นเหตุที่ต้องรีบแก้ไข ลดทอน ตัดลง นั่นคือ นิสัยของตนเรานั่นเอง

การแก้โรค ให้เป็นหน้าที่สมุนไพร แต่เมื่อหายจากโรคนี้แล้วก็เป็นโรคอื่นได้ หรือไม่เป็นโรคอื่น ก็เกิดอุบัติเหตุได้ จึงเป็นการแก้ที่ไม่เบ็ดเสร็จ นั่นคือยังไม่ปลอดภัย เพราะต้นเหตุยังอยู่

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงมายุยงปลุกปั่น ให้ใช้ธรรมพระภูมี แก้ที่ต้นเหตุ นั่นคือ นิสัยของเราท่าน จากที่ให้ทุกข์แก่ผู้อื่น มาเป็นให้สุขแก่ผู้อื่น โดยการนำเอานิสัยธรรมของพระภูมี มาเป็นตัวกำกับบางสิ่งบางอย่าง

มีคนเคยถามว่า ทำไมถ้ำกระบอกจึงสอนให้ใช้สัจจะ ไม่ใช้ศีล ให้คนและพระประพฤติปฏิบัติ

คำตอบที่แม่ชีเมี้ยนทรงให้ คือ ศีลเป็นของหนัก เกินกว่าที่คนทั่วไปจะปฏิบัติให้เป็นจริงได้ หากแต่สัจจะ ที่วางไว้ ก็วางไว้ตามแต่ละบุคคลจะสามารถทำได้จริง เริ่มที่ละน้อย เมื่อทำสิ่งหนึ่งได้แล้ว ก็ค่อยเพิ่มน้ำหนักลงไป เป็นไปตามแต่นิสัยของคนนั้นๆ และเป็นเหตุแห่งกรรมของคนนั้นๆ

อาทิเช่น คนที่มีนิสัย หลอกลวงผู้อื่น ก็เริ่มจากไม่หลอกลวงผู้อื่น คนที่มีนิสัย ชอบทานสุรา ก็เริ่มจากไม่ทานสุรา คนที่ชอบเบียดเบียนผู้อื่น ก็เริ่มจากไม่เบียดเบียนผู้อื่น เป็นเบื้องต้น ... อันเป็นการวางสัจจะปฏิบัติ ที่ทำได้จริง

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวถึงอดีตว่า ในยุคถ้ำกระบอก สัจจะกลางๆที่เห็นว่าคนที่มาควรปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เกิดการล่วงล้ำกล้ำเกิน จึงมักจะให้ว่า ไม่ทำลายศาสนา นั่นคือ ไม่มีการทำลายพระผู้ปฏิบัติ ไม่ว่าจะส่งเสริมกิเลสด้านใด โดยเฉพาะการนำเงิน หรือหาผลประโยชน์จากศาสน์ อาทิการเช่ารูปเหมือนพระพุทธ เป็นต้น และตามด้วย สัจจะหลัก คือ การไม่โกรธ เริ่มจากวันละหนึ่งชั่วโมง โดยให้เริ่มจากชั่วโมงที่มักประสบเหตุมากๆก่อน .. เช่นแม่ค้า ขายของตอนไหน ก็วางสัจจะในชั่วโมงนั้น

หลายคนจึงถามว่าทำไมปัจจุบันจึงไม่กะเกณฑ์เช่นในอดีต หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ตอนนี้ท่านไม่ใช่พระ จึงให้พิจารณาเป็นสายกลาง บุคคลที่ได้ฟังนำไปคิด แล้วจักทำหรือไม่ก็แล้วแต่บุคคลนั้นๆ

หากลดละนิสัยเดิม มามีนิสัยธรรมของพระภูมี เป็นบางสิ่งบางอย่างได้ โรคอะไรก็ไม่เหลือ ... เพราะเคล็ดของศาสน์คือ กรรมมันกลัวธรรม มันไม่เกาะคนมีธรรมนั่นเอง ... โรคก็เลยกลายเป็นผลพลอยได้ ต้องจากคนมีธรรมไปนั่นเอง ... เรียกว่าหายไปกว่าครึ่งแล้ว

จึงเป็นที่มาของการบนบวช ที่มักใช้กับคนไข้หนักมาตั้งแต่ยุคถ้ำกระบอกนั่นเอง ...

ก็ดูอย่างคุณปรีชา ที่เป็นโรคหัวใจ ทานสมุนไพรมาหลายปี อาการก็ดีขึ้นบ้างแต่ก็ไม่หายขาด ไปใช้วิธีนี้ เดินธุดงค์ทั้งที่เป็นโรคหัวใจเฉียบพลัน แค่ธุดงค์เดียว หายเป็นปลิดทิ้ง .. จบเอาง่ายๆ นี่แหละอำนาจธรรม ... ให้ผลที่เฉียบขาด

คนที่มา หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักบอกให้มองเลยโรคไปเลย หันมาดูนิสัยตนดีกว่า ว่าควรจะนำธรรมข้อใดมาปฏิบัติบ้างเพื่อช่วยตน

นี่จึงเป็นเหตุที่ว่า ทำไมสถานที่นี้ จึงรับทุกโรค รับทุกอาการ และรับรองว่า หากผู้ใดเชื่อ ศรัทธา และเดินตาม การหายโรคเป็นไปได้ ก็เพราะรู้ต้นเหตุ และแก้ที่ต้นเหตุ ตามคำสอนของพระภุมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ...

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44