หากแต่การไปครั้งนี้ แม่ชีเมี้ยนได้ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์มหาศาล ให้หลวงพ่อนิพนธ์กลับมา ๒ สิ่ง
สิ่งแรก คือ การอนุญาตให้ทำยาสมุนไพร ที่เรียกกันว่า "ยาตัด" ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ทำให้ถ้ำกระบอกดังทะลุฟ้าในอดีต อีกครั้ง
ฉายาที่เรียกกันในอดีตของสมุนไพรชนิดนี้ นั่นคือ "ช้างสะบัดงวง" อันมาจากอาการที่จะเกิดหลังจากทานสมุนไพรตัวนี้ ที่จะวิ่งตรวจทั่วร่างกาย แล้วรีดโรคให้เข้ามาอยู่ในกระเพาะ เพื่อให้ร่างกายขับออกโดยการอาเจียนนั่นเอง
ดังนั้น ภาพที่เห็นจนชินตาในอดีตนับแต่ถ้ำกระบอก นั่นคือ การหอบหิ้ว กระโถนและเสื่อ มาเตรียมในการทานสมุนไพรชนิดนี้ ซึ่งจะออกฤทธิ์ประมาณ ๓ ชั่วโมง
แม้นว่าสมุนไพรตัวนี้จะให้ผลที่เฉียบขาด หากแต่ก็ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ในช่วง ๓ ชั่วโมงนั้น
ดังนั้น หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่าคงจะไม่ใช่ว่าจะให้ทุกคนทาน หากแต่ต้องดูความพร้อม ความเหมาะสม และคุณสมบัติของคนๆ นั้น ด้วย
ก็ถือว่าเป็นข่าวดี ที่จะได้มีทางลัดในการหายโรค เพราะสมุนไพรชนิดนี้ รู้กันในอดีตว่า หากทานได้ต่อเนื่องครบ ๗ แก้ว ก็เรียกได้ว่า หายโรค .. ค่อนข้างแน่นอน
จะติดนิดนึงที่สมุนไพรชนิดนี้ สำหรับบางคนทานได้ยากยิ่ง แค่ได้กลิ่นก็แทบน็อคแล้ว อาทิเช่น คุณประชา ผู้ที่เป็นโรคที่หมอบอกว่า ไม่มีทางรักษา คือ กระเพาะอาหารเหี่ยว เวลาทานทีต้องปิดจมูก แล้วรีบทาน แต่กระนั้นก็ตาม ก็พยายามทาน เพราะรู้ดีว่า ทานแล้วดี
ก็ด้วยเหตุที่ว่า โรคที่เป็นทำให้ทานอาหารได้น้อยลงเรื่อยๆ ร่างกายจะผอมลง จนอดอาหารแล้วตายไป หมอจึงกล่าวกับคุณประชาว่า หากพบว่าที่ไหนทำให้อ้วนได้ ที่นั่นแหละคือทางรอด
ดังนั้น เมื่อทานสมุนไพรนี้ แล้วปรากฎว่าคุณประชาทานอาหารได้ เมื่อไปวัดแล้วปรากฎว่าตัวเองอ้วนขึ้น ครึ่งนิ้ว ทำให้แม้นจะทานยากสักแค่ไหน ก็อุดจมูกแล้วทาน จนอยู่มาทุกวันนี้กว่ายี่สิบปีแล้ว ท่ามกลางความสงสัยของหมอ
ประการต่อมา คือ คำสั่งของแม่ชีเมี้ยน ที่กล่าวว่า หลวงพ่อนิพนธ์ ให้แต่สมุนไพรเพียงอย่างเดียวมานานแล้ว ควรที่จะชี้ทางบุญให้คนทั่วไปได้ปฏิบัติ เพื่อให้การทานสมุนไพรประสพผลมากยิ่งขึ้น ๒ ข้อ
ด้วยเหตุที่หน้าที่ของพระพึงมี คือ การบวชมาเพื่อตัดกิเลส จึงควรส่งเสริม ด้วยการข้าวปลาอาหาร หาใช่เงินทอง หรือปัจจัย ที่ทำให้เกิดกิเลส
ก็พิจารณากันดู ในเหตุและผล หากเชื่อ ก็ลองทำตาม แล้วดูผลจากการทานสมุนไพร ว่ามันจะให้ผลมหาศาล จริงหรือไม่ เพราะเมื่อทำถูก ผลถูกย่อมต้องเกิดนั่นเอง
ข้อแรก คือ ควรกระตุ้นให้คนไม่ทำบาปกับตัวเอง นั่นคือ ให้หยุดและเลิกทานยาเคมี เพราะการทำบาปกับตัวเอง หากยังดำรงอยู่ การทำความดี หรือ เกื้อกูล สิ่งอื่นก็ไร้ผล ดั่งคำตรัสของพระภูมีที่ว่า "จงเมตตาตนเองก่อน แล้วจึงเมตตาผู้อื่น"
ข้อที่สอง คือ หยุดการทำลายพระ นั่นคือ การมีพฤติกรรมส่งเสริม ให้พระมีกิเลส ไม่ว่าทางใด อาทิเช่น การถวายเงิน ถวายสิ่งของ ที่จะเป็นเหตุให้พระเกิดกิเลส ไม่สามารถเดินอยู่ในวินัยของพระภูมีได้ จนในที่สุดก็เสียความเป็นพระไป อันเป็นบาปมหันต์โดยมิรู้ตัว