สองปีก่อน มีหญิงสาวอายุยี่สิบกว่าๆ พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งลำไส้ ระยะสุดท้าย ด้วยความที่ฐานะของตนไม่ดีนัก จึงเลือกที่จะใช้หนทางในการรักษาด้วยสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน
เธอมารักษาตัว ทุกสัปดาห์ตลอดสองปี และใช้เวลาไม่นานที่ผันตัวมาเป็นจิตอาสา ช่วยในห้องยา
ช่วงสองปีที่ทานสมุนไพรของเธอ สถานะของเธอ ก็มีอาการเป็นช่วงๆ มาตลอด แม้กระทั่งไม่ถ่ายเป็นเดือนก็เคย ก็ประคองตัวผ่านมา จนกระทั่งสัปดาห์ที่แล้ว เธอเกิดอาการปวดอย่างรุนแรง
หัวหน้าทีมของเธอ พาเธอไปพบหลวงพ่อนิพนธ์ เพื่อเล่าอาการให้ฟัง หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวกับเธอว่า อาการดังกล่าวเป็นอาการลงแดงของโรค
แล้วกล่าวว่า หากเชื่อมั่นก็วางชีวิตไว้กับพรหมลิขิต ทานสมุนไพรไป หากผ่านไม่ได้ ก็แสดงว่าพรหมลิขิตของเธอมีแค่นี้ หากพรหมลิขิตยังมีอยู่ เมื่อผ่านได้เธอก็จะหาย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงให้เธอตัดสินใจ หากไม่คิดจะทนปวด ก็ไปหาหมอ แต่ถ้าใช้แนวทางพระภูมี ก็ให้เธอมาพักที่ชมรม ๗ วัน เพื่อทานสมุนไพรให้เต็มที่ จะอยู่หรือไปแล้วแต่พรหมลิขิต
เธอเลือกที่จะอยู่ที่ชมรม หลวงพ่อนิพนธ์จึงให้เธอทานยาเขียวและยาตำลึง ครั้งละหนึ่งขวด ทุกสามชั่วโมง
วันเวลาผ่านไปสองวัน เธอเกิดอาการปวดรุนแรง และมีอาการถ่าย ผลของการถ่ายของเธอ ปรากฎเป็นเลือดและน้ำหนองออกมา ประมาณกระโถนหนึ่ง และหลังจากการถ่ายครั้งนี้ อาการปวดของเธอก็หายวับไป
วันพฤหัสที่ผ่านมา เธอขอลาหลวงพ่อนิพนธ์กลับไปทำงาน
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า คนไข้ประเภทนี้ ใจอย่างนี้ จะมีสักกี่คน ... เมื่อเชื่อในพรหมลิขิต วางศรัทธา ไว้กับศาสนาและสมุนไพร ก็มีโอกาสได้สัมผัสปาฏิหารย์ของศาสนา
หากเธอมีอายุขัยสักแปดสิบปี ชีวิตที่เหลืออีกหกสิบกว่าปีของเธอ คงมีความสุขเหลือล้นอย่างแน่นอน
หรือเธอจะโชคดีที่เกิดมาจน จึงไม่มีโอกาสได้ใช้ยาเคมี ... เรื่องของโลก ความรวยอาจจะมีคนเรียกว่ามีวาสนา แต่เรื่องของชีวิต เราว่า ความจนนี่แหละเรียก วาสนา......