ใครจะบ้าอะไรก็ว่ากันไป ใครจะมุ่งมั่นในสิ่งใด ก็แล้วแต่ใจคิด ใจชอบ หากแต่สถานที่นี้ คำสั่งสอนของบรมครูแม่ชีเมี้ยน ที่ทรงตรัสเตือน และให้หลวงพ่อนิพนธ์มายุยงปลุกปั่น ให้พี่น้องคนไทย กลุ่มหนึ่ง (ขอเน้นกลุ่มหนึ่ง...) ให้ตื่นตัว และเตรียมตัวกับสิ่งสำคัญที่กำลังจะอุบัติ นั่นคือ "การบังเกิดของพระพุทธเจ้าองค์ใหม่"
ด้วยถึงกาลเวลาของยุคแล้ว ดังนั้น สิ่งที่จะปรากฎก่อนการอุบัติของพระพุทธเจ้า ที่มีคู่กันมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือ กรรมที่มนุษย์ทั้งโลกสั่งสมกันมา หลังจากสิ้นยุคพระพุทธเจ้าองค์ก่อน จะรวมกันมาถาโถมเข้าใส่มนุษย์ นั่นคือ กลียุคจักบังเกิด เพื่อรอพระพุทธเจ้าองค์ใหม่มาดับยุคเข็ญอันนี้นั่นเอง
สัญญาณเตือนภัยที่กระชั้นเข้ามา หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า เห็นได้จากภัยพิบัติ และที่ส่งสัญญาณรุนแรง นั่นคือ หิมะถล่มอียิปต์ สิ่งเตือนภัยเหล่านี้ แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสสอนว่า ผู้ที่จะรอดจากมหันตภัย ก็คือ คนดี หรือ คนที่มีกรรมเก่ามาดี
ดังนั้น คนอื่นจะบ้าอะไรก็ช่างเขา หลวงพ่อนิพนธ์จึงชักชวนคนไทยกลุ่มหนึ่ง หันมาเปลี่ยนพฤติกรรม มาบ้าพระพุทธเจ้า ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ทานสมุนไพรของพระภูมี ทำตนเป็นคนดี เพื่อเตรียมรับภัยอันนี้
ผลจากการทำ หลวงพ่อนิพนธ์ก็กล่าวว่า อุปมาบ้านอยู่เมืองกาญจน์ จะไปกรุงเทพฯ วันนี้เขาขับรถ ขึ้นรถโดยสาร ขี่มอเตอร์ไซด์ ปั่นจักรยาน แล้วแต่ความชอบ ความเหมาะสมของคนนั้นๆ แต่ที่นี่กำลังมาชวนให้เดินไป ... เพราะใช้หลักพึ่งตนเอง
ดังนั้นจึงไม่แปลกเมื่อมาใช้แนวทางนี้ ใครเห็นก็ต้องมองว่าผู้ทำบ้า มีของให้ใช้ไม่ใช้ เสือกมาเดินทรมานตัวเอง ชวนให้ขึ้นรถไปด้วยก็ปฏิเสธ คนเหล่านั้นจึงจากไปพร้อมตะโกนบอกว่า อย่าไปยุ่งกับคนบ้า
หากแต่สิ่งที่เราท่านกำลังถูกสอนให้ทำ เป็นความลำบาก เพราะต้องใช้ขาของตนเดินไปให้ถึง ย่อมต้องได้รับทุกข์เวทนา แต่ผลก็คือ ร่างกายที่แข็งแกร่ง
เมื่อวันเวลาผ่านไป คนที่หัวเราะเยาะเราท่าน จักถูกพายุ อุบัติภัย พัดล้มไปหมด แต่คนที่เดิน คนที่ถูกหาว่าบ้า จะมีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่ง ยืนหยัด และถึงจุดหมาย อย่างปลอดภัย ในขณะที่คนเหล่านั้น แม้นจะรอดถึงจุดหมาย สภาพร่างกายก็ยับเยิน
คนที่ใช้แนวทางพระภูมี จึงถือคติ หัวเราะที่หลังดังกว่า
หากแต่วันวานที่ผ่านมา แม้นจะสอนจักบอกกล่าวว่า หลักตนพึ่งตนของพระภูมี ในการช่วยตน มีสองขา คือ สมุนไพรล้างโรค ธรรมล้างกรรม
ขาของธรรมหรือของบุญ ก็เรียกได้ว่า แทบไม่เคยถูกใช้เลย แถมขาของสมุนไพรก็แกนๆ เพราะไม่สมบูรณ์ ทำให้คนที่อาการหนัก ก็ยากจะฝ่าฟันให้เดินได้จนพ้นวิกฤต
ปีหน้า หลวงพ่อนิพนธ์่ชี้ให้เห็นว่า หายนะกำลังจะมา การจะใช้แนวทางเดิมคงฝ่าหายนะอันนี้ได้ยาก ดังนั้น จึงต้องปรับเปลี่ยนมาเดินตามแนวพระภูมี ให้มากขึ้น ที่สำคัญ ใช้ทั้งสองขา เพื่อความปลอดภัย
ขาของสมุนไพร ก็ต้องจัดเต็ม ทั้งความเข้มข้นและปริมาณ ดังนั้น จึงเป็นความจำเป็นที่ช่วงนี้จักต้องระดมทุน เพื่อเตรียมจัดซื้อสมุนไพร โดยเริ่มตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นไป การแจกสมุนไพรให้สมาชิก จะได้รับปริมาณและความเข้มข้นที่มากขึ้น เป็นประการแรก
ประการถัดมา ขาของบุญ ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสว่า พระพุทธเจ้าใช้สัจจะ มานำตน จึงสำเร็จ ได้ทรงสอนให้พระถ้ำกระบอกปฏิบัติ และนำไปสอนญาติโยมให้ทำเป็นบางสิ่งบางอย่าง
อดีตถ้ำกระบอก จึงให้คนไข้ยาเสพติดทุกคน ต้องถวายสัจจะ ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่เสพ ไม่ส่งเสริม ก่อนที่จะเข้าบำบัด
และเมื่อมาวันหนึ่ง มีคนไข้คนหนึ่งกลัวลงแดง จึงแอบซุกยาใส่ฟลอยด์แล้วยัดไว้ในก้น เข้ามาบำบัด ในวันที่สองเมื่ออาการลงแดงเกิด ก็นำออกมาเสพ ผลที่ปรากฎคือ เกิดอาการชัก น้ำลายฟูมปาก ตาย ตั้งแต่นั้นมา จึงเป็นที่เล่าลือว่า สัจจะ ของถ้ำกระบอกนั้น ผู้ใดทำได้ ก็ได้ผลอนันต์ หากแต่ผู้ใดทำผิด ก็ผลร้ายมหาศาลเช่นกัน
มาวันนี้ หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำสัจจะ มาใช้อีกครั้ง เพื่อผลแห่งบุญอันเกิดจากการลดนิสัย ด้วยมีสัจจะนำนั่นเอง อันจะทำให้แก้ต้นเหตุคือ กรรม และส่งผลให้การฟื้นฟูตน รวดเร็ว และเห็นผล
นับจากปีใหม่ ก่อนจะเข้ากระโจม จักมีคนนำให้ถวายสัจจะ บางข้อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ
แล้วมาดูผลกันว่า เมื่อเราท่าน ปฏิบัติตามรอยพระภูมี มากขึ้น ผลจักบังเกิดกับตน เฉียบขาดหรือไม่ ...
หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า ใครทำได้ รับรองว่า การทานสมุนไพรจักบังเกิดผลมหาศาล เห็นชัด หากแต่ไม่ชอบ ไม่อยากทำ ไม่ว่า ... จะทานแต่สมุนไพรเพียงอย่างเดียวก็ตามใจ แต่ออกตัวไว้ก่อนว่า ยากจักประสพผล
ที่สำคัญ เมื่อเราท่านได้ทำตามบัญญัติทั้งสองประการของพระภูมีแล้ว หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวพร้อมยืนยัน เมื่อมหันตภัยมาเยือน ดูซิว่า คนที่มาบ้าพระพุทธเจ้า จักเป็นเหมือนคนที่บ้าอย่างอื่นไหม ... ใครจะได้เป็นเจ้าของเสียงหัวเราะ ในวันนั้น