พฤหัสที่ผ่านมา ทางการพม่าได้ส่งรูป เพื่อแสดงความก้าวหน้าของโครงการที่กำลังดำเนินการ แจ้งให้หลวงพ่อนิพนธ์ทราบ
ในขณะเดียวกัน ได้ส่งคณะทหารพม่า ที่ควบคุมดูแลบริเวณชายแดน ติดกับไทย บริเวณด่านพุน้ำร้อน มาด้วยคณะหนึ่ง
พม่าแจ้งว่า ผู้ใหญ่มีความเป็นห่วงว่า โครงการที่บ้าน มิต้า ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทยไป ๘๐ กิโลเมตรนั้น อาจจะสร้างความยากลำบากแก่หลวงพ่อนิพนธ์จนเกินไป
คณะทหารจึงได้สำรวจพื้นที่ในเขตควบคุม ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทยเข้ามาอีก ได้พื้นที่ที่เหมาะสม ห่างจากชายแดนไทยประมาณ ๓๐ กิโลเมตร
วันศุกร์นี้ คณะทหารพม่าจึงได้เชิญหลวงพ่อนิพนธ์เข้าไปดูพื้นที่ ดังกล่าว และแจ้งให้ทราบว่าสามารถใช้พื้นที่ได้ตามความต้องการ ทั้งนี้พื้นที่บริเวณดังกล่าวมีทหารและหมู่บ้านเล็กๆอยู่ ซึ่งสามารถใช้เป็นกำลังพลในการปลูกและดูแลสมุนไพร ตามความต้องการได้
และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่หลวงพ่อนิพนธ์ คณะทหารได้จัดสร้างบ้าน เพื่อเป็นที่พักให้แก่หลวงพ่อนิพนธ์และคณะไว้เรียบร้อย กระนั้น ท่าน ส.ว.แห่งรัฐทวาย ก็ยังไม่เบาใจ เกรงว่าอาจจะอำนวยความสะดวกให้ไม่เพียงพอ จึงได้สร้างบ้านพักหลังหนึ่ง ที่บริเวณชายแดนไทยพม่า เพื่อสะดวกในการต้อนรับ
ความห่วงหาอาทร ทุกข์ร้อนในสิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์กังวล นี่แหละเป็นคุณสมบัติที่สำคัญยิ่ง ที่หลวงพ่อนิพนธ์เน้นและสอนมาตลอด
ศาสน์แห่งการดูคน ดูแวว ว่าคนประเภทไหน ที่เหมาะสมแก่ศาสน์สมุนไพรของพระภูมี หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า ก็ดูจากความอาทรในกิจกรรมนี่เอง
เมื่อจิตใจเชื่อมถึงกัน ห่วงหาอาทรกัน ย่อมเกิดเป็นสายใยชีวิตที่แน่นเหนียว เรียกได้ว่า เป็นเครื่องหมายกาบนหัว ที่ทำให้ไม่ตายโหง ตายห่า อย่างแน่นอน
หลายคนให้ความสำคัญเฉพาะกับการรับและทานสมุนไพร ที่เป็นเหมือนสังขาร หากเทียบกับ ดินที่เขานำมาปั้น นำมาปั๊มเป็นรูปพระพุทธ จะมีค่าก็เพียงน้อยนิด
หากแต่เมื่อผ่านการปลุกเสก หรือ พุทธาพิเษกแล้วไซร้ กลายเป็นของขลัง มีคุณค่าสูงล้ำ ฉันใดก็ฉันนั้น สมุนไพร หากได้รับการปลุกเสก จากพฤติกรรมของผู้ทาน ก็อุปมามีวิญญาณ มีฤทธิ์ มีเดช ต่อสู้กับโรคภัย อย่างมหาศาล
สิ่งที่ดูเล็กน้อย เช่นการหยิบมะกรูดติดมือมา ห้าลูกสิบลูก มะพร้าวสักทลายเล็กๆ พริกไทยสักขีด ดีปลีสักกำ ด้วยจิตสำนึกแห่งความอาทรแก่ผู้ทำ ไม่เบียดเบียนท่านจนเกินไป แค่ท่านนำสมุนไพรมาปรุงให้ ก็มีคุณมหาศาลแล้ว จิตเช่นนี้ ย่อมเป็นคุณสมบัติ กตัญญู ของเล็กน้อยราคาต่ำ จึงให้คุณค่าที่สูงยิ่ง
เพราะของเล็กน้อย ให้ชีวิตผู้อื่น ให้ความชุ่มชื่นแก่ผู้ทำ แถมยังได้คุณสมบัติที่ดี ตามหลักพระภูมี คือ พระเวสสันดร ... โรคอะไรก็ไม่เหลือ
หากแต่หยอดตา ได้ตาที่ดี เห็นช้อนตก ก็ช่างมัน ไม่ใช่เรื่อง เห็นน้ำรั่ว ก๊อกไม่ปิด ก็วางเฉย ได้สมุนไพร ได้กำลัง ก่อนกลับจะมีสำนึกว่า มาบ้านท่าน อย่านิ่งดูดาย เดินดู เก็บกวาด ปิดน้ำ ปิดไฟ ให้ท่าน ท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเสียอะไรโดยใช่เหตุ ... ก็ตัวใครตัวมัน กูไม่สน
จึงไม่แปลกว่าทำไมคนพม่า จึงหายวันหายคืน สมุนไพรประทับความดื่มด่ำให้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงกลายเป็น สิ่งมีค่าอันสูงสุดที่เคยพบ แต่คนไทย การช่วยตน จึงอืดเป็นเรือเกลือ
จึงไม่แปลกที่ภาพ เก้าอี้ถูกวางทิ้ง ขยะเกลื่อนกลาด มีให้เห็นทุกวัน ต้นหญ้ารกชัด หามีคนมีน้ำใจมาช่วยกันดูแล ต้นสมุนไพรแห้งตาย ทั้งที่คนมาหลายพันคน
ทุกคนที่มา ร้องขอให้หลวงพ่อนิพนธ์ช่วย ... ซึ่งไม่เคยได้รับการปฏิเสธ แต่สถานที่ของท่าน สิ่งของของท่าน .... กลับถูกเมิน กูไม่สน กูไม่เกี่ยว ไม่ใช่บ้านกู
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชี้ให้ดูว่า คนที่จะหาย เวลาได้สมุนไพร แล้วจะลากลับ ก็จะมีอาการพิรี้พิไร เหมือนชายหนุ่ม จะจากสาวคนรัก อ้อยอิ่ง และสำรวจแล้วสำรวจอีก ห่วงโน่น ห่วงนี่ กลัวคนรักจะลำบาก เหน็ดเหนื่อย ฉันใดก็ฉันนั้น คนที่จะหาย ก็มักห่วงในกิจกรรมของหลวงพ่อนิพนธ์ ดูแล้วดูอีก เรียบร้อยไหม ขาดเหลืออะไร กลัวหลวงพ่อนิพนธ์จะกังวล ในสิ่งที่ตนดูแล อาทิเช่น ทำหน้าที่ดูแลห้องน้ำ ก็ตรวจตรา ก๊อกปิดหมดยัง ไฟปิดยัง มีอะไรเสียหายไหม ทำเสร็จ ไปรับสมุนไพร ก่อนกลับก็ยังเวียนมาดูอีก ... คนแบบนี้ โรคอะไรก็ไม่เหลือ หายแน่นอน
หลักของพระภูมี ทำอย่างไรได้อย่างนั้น อาทรเขาเท่าใด เขาก็อาทรเราเท่านั้น .... จะทานแต่สมุนไพรอย่างเดียว ฟังเขาเล่าว่าดี ... กล่าวได้คำเดียว ยาก...