ความยากง่ายในการฟื้นฟูตน ในหลักของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หาใช่ขึ้นกับรูปลักษณะอาการที่เป็นไม่ หากแต่อุปสรรคใหญ่นั่นคือ นิสัย และความเชื่อ ของบุคคลนั้นๆ
คำสอนที่เตือนสติที่มอบให้แก่หลวงพ่อนิพนธ์ เมื่อครั้งอดีต และถูกถ่ายทอดมาหลายครั้งหลายคราว ชี้ให้เห็นพุทธประวัติ ที่ธรรมของพระภูมี แม้นจะดีสักฉันใด เมื่อนำไปวางในอินเดีย ที่มีผู้คนมากมายเป็นร้อยล้านคน ในสมัยนั้น จะหาคนเหลียวแลก็ยากยิ่ง คนอินเดียที่เชื่อ และทำตาม มีแค่หยิบมือเดียว ไม่ถึงแสนคน
หากเทียบแค่ประเทศก็ว่าน้อย หากเปรียบกับประชากรทั้งโลก ยิ่งน้อยกว่าน้อย ฉันใดก็ฉันนั้น ธรรมหมวดสมุนไพร ก็คงมีคนนิยมมากมาย หากแต่คนที่เชื่อ และทำตาม ก็คงมีหยิบมือเดียวเช่นกัน
หากแต่ผลที่เกิด ก็แยกกันเด่นชัด ระหว่างผู้ที่เชื่อ และทำตาม ไม่ว่าทางโลกจะบอกว่าอาการสาหัสปานใด แม้นพรหมลิขิตยังมี ก็ช่วยตนให้พ้นจากทุกข์อันนี้ได้
ตัวอย่างที่หลวงพ่อนิพนธ์มักยกมาให้ฟัง ก็เปรียบระหว่างพระสองรูป ที่ผ่านเข้ามาใช้ธรรมหมวดนี้
พระทั้งสองรูปเป็นระดับอาจารย์สอน มีลูกศิษย์ เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่ของตน
รูปแรก อาพาธเป็นมะเร็งปอด หากแต่สุขภาพยังดีอยู่ ยังช่วยตนได้ แต่ก็เริ่มมีอาการทางปอดให้เห็น
รูปที่สอง อาพาธเป็นมะเร็งตับ สภาพเริ่มเข้าขั้นวิกฤต เริ่มเดินไม่ไหว ช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ และสัญญาณที่เลวร้ายที่ส่อแววให้เห็นชัดนั่นคือ การโตของตับ
คำแนะนำเดียวกัน แก่พระทั้งสองรูปในการฟื้นฟูตน หากแต่รูปแรก ติดอุปสรรคมากมายจากสิ่งที่ตนเป็น จนไม่สามารถทำตามคำแนะนำใดๆได้เลย ในขณะที่องค์หลัง ยอมทิ้งทุกอย่าง แล้วทำตามคำแนะนำ
ผ่านวัน ผ่านคืน ผลก็เริ่มปรากฎให้เห็น พระองค์หลังที่ว่าวิกฤต วันนี้กลับมาเดินได้ แข็งแรง สภาพตับยุบ ในขณะที่องค์แรก เข้าขั้นวิกฤต เมื่อมะเร็งเริ่มกระจายจากปอดออกไป
ด้วยภาพที่ปรากฎชัดดังนี้ ย่อมเป็นเครื่องยืนยันว่า ธรรมหมวดสมุนไพร ใครทำ ใครได้ ไม่ใช่ให้ผลแก่ทุกผู้ทุกนามที่มาทาน นั่นคือ มาตรฐานหาใช่ดูจากการทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียวไม่ หากแต่ผลสุทธิ ย่อมต้องอาศัยพฤติกรรม ที่สอดคล้องกับธรรมคำสอน เป็นสำคัญ
คำเตือน ที่เริ่มได้ยินถี่ขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ สภาพความเลวร้ายที่แสนสาหัส กำลังจะมาเยือนมนุษย์ อันเป็นวัฐจักรของจักรวาล ที่เกิดขึ้น เพื่อรอพระพุทธเจ้ามาดับยุคเข็ญ
การทานสมุนไพร จึงหาใช่เพื่อยังประโยชน์ ในการหายโรค นั่นอาจเป็นความหวังที่พามายังสถานที่นี้ หากแต่ความมุ่งหวังในการทานสมุนไพร นั่นคือ การมาเพื่อปฏิบัติตามธรรมคำสอน แล้วทานสมุนไพร เพื่ออนาคตทั้งในภพนี้และภพหน้า
ด้วยความเชื่อที่ตายแล้วต้องเกิด พระภูมีจึงทรงสอนธรรมหมวดสมุนไพร เพื่อสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า อันเป็นดำรัสที่ว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ที่สามารถตามติดเราท่านไปในภพหน้าได้
การมาปฏิบัติธรรม จึงเพื่อให้พ้นทุกข์ สร้างพรหมลิขิตที่ดีเป็นของตน ส่วนการหายโรคที่เป็นในปัจจุบัน เรียกว่าของแถม ที่พระภูมีใช้เป็นเหยื่อล่อให้มาปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นที่พึ่ง เป็นหลักยึดแห่งชีวิต
คำเตือนเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ หากแต่เรามองว่า สำคัญยิ่ง นั่นคือ ตัวแทนของศาสนาทุกยุค จักต้องมีนิสัยหนึ่งคือ "ความหยิ่ง" ด้วยเหตุที่ศาสนาพุทธแสดงตนให้เห็นว่า เป็นศาสนาที่ใครจะล่วงล้ำกล้ำเกินไม่ได้
นั่นหมายความว่า เมื่อวันใดที่สมุนไพรเขาเกิด คนที่จะเข้าไปสัมผัส จึงต้องมีคุณสมบัติ ต้องถูกเลือก เฉกเช่นเดียวกับพระภูมีเลือกบุรุษที่จะมาเป็นสงฆ์สาวก ฉันใดก็ฉันนั้น
ใครที่นึกว่า สถานที่นี้เป็นไก่รองบ่อน อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่มา ... เราเตือนไว้ว่า ... ท่านกำลังจะปิดทางเลือกสายนี้ของท่านเอง ... วันหนึ่งอาจจะมาแล้ว แต่เข้าไม่ได้
ภาพนี้ในพุทธประวัติ นั่นคือ ยักษ์ที่นั่งหน้าวัดของพระภูมีนั่นเอง .. ที่ได้แต่ชะแง้มอง แต่ตนได้แต่เห็นแต่สัมผัสไม่ได้