คำพูดหนึ่งที่คนรุ่นเก่ามักจักเล่าให้คนรุ่นหลังฟังเสมอ เพื่อเตือนสติ นั่นคือ "ระวังตีนฟ้าไว้บ้าง"
อาเส่ย ชายสูงวัย ที่อดีตเป็นพระรับใช้แม่ชีเมี้ยน และเป็นพระหนึ่งเดียวในยุคถ้ำกระบอก ที่ติดตามหลวงพ่อนิพนธ์มาตราบทุกวันนี้ ผู้ที่มีหน้าที่เก็บใบยาเขียว และทำยา มานับตั้งแต่ปี ๓๐ เล่าให้ฟังว่า
หลังจากที่แม่ชีเมี้ยน ตักเตือนท่านจรูญไม่ให้รับรางวัลแมกไซไซไม่ได้แล้ว ผลก็คือ เกิดการก่อสร้างอาคารแมกไซไซขึ้น ที่ถ้ำกระบอก
และกิจวัตรของท่านจรูญ และท่านเจริญ อย่างหนึ่งในเวลานั้น คือ ทุกวันเวลาเที่ยงตรง พระทั้งสองรูปจักเดินไปตรวจการก่อสร้างอาคารหลังนั้น
ในช่วงเวลานั้นเอง มีพระรุ่นหนุ่มบวชใหม่องค์หนึ่ง เข้ามาในถ้ำกระบอก
แม่ชีเมี้ยนทราบจุดประสงค์ในการมาของพระองค์นี้ ก็ทรงเตือนด้วยความหวังดีว่า เจตนาที่จะเข้ามานั้น เป็นบาปมหันต์ อย่าทำเลย ให้รีบออกจากถ้ำกระบอกไป
ด้วยเหตุที่พระองค์นั้น รับจ้างบวชมาเพื่อทำลายถ้ำกระบอก จึงไม่ยอมออกจากวัดไป แม้นแม่ชีเมี้ยนจะทรงเตือนกี่ครั้งก็ตาม
จนมาวันหนึ่ง แม่ชีเมี้ยนตรัสกับพระเส่ยว่า จะขึ้นถ้ำไปเพื่อนั่งความเพียรช่วยท่านจรูญและท่านเจริญ โดยที่พระเส่ยก็ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร
จนกระทั่งใกล้เที่ยง พระเส่ยก็เห็นแม่ชีเมี้ยนทรงอาเจียนมาเป็นโลหิต พร้อมกันนั้นก็มีเสียงระเบิดจากบริเวณก่อสร้างอาคารแมกไซไซ
แม่ชีเมี้ยนจึงตรัสว่า เพื่อช่วยพระทั้งสองรูปจึงต้องรับผลอันนั้นไว้เอง ระเบิดจึงระเบิดก่อนเวลา คือ ๑๑.๕๕ น. ก่อนที่พระจรูญและพระเจริญ จะเข้าไปตรวจ
รอสักพัก ท่านจรูญก็ให้คนมาบอกว่า ตรวจดูความเสียหายแล้ว พระทั้งหมดปลอดภัย จะเว้นก็แต่พระหนุ่มรูปหนึ่ง ที่หาเท่าไรก็ไม่เจอตัว
แม่ชีเมี้ยน จึงตรัสกับพระเส่ยว่า ให้วิ่งไปบอกท่านจรูญว่า ให้เปิดสังกะสีออกดู พระเส่ยจึงไปบอก ท่านจรูญจึงให้คนเปิดแผ่นสังกะสีออก พบพระหนุ่มรูปนั้น นั่งในท่าคุกเข่า แล้วมีคานทับ ทำท่าเหมือนแบกคานไว้ และถูกคานทับจนตาย
จึงไม่แปลกว่า พระถ้ำกระบอก จึงยึดมั่นคำสอนแม่ชีเมี้ยน มุ่งมั่นปฏิบัติสัจจะ ด้วยเหตุการณ์ที่พบเห็นมากมาย และรู้กันดีว่า หากไม่มั่นใจ ก็อย่าถวายสัจจะ และเมื่อถวายแล้ว ก็ต้องทำให้ได้ เพราะเมื่อถวายแล้ว หากทำได้ ผลก็จักมหาศาล หากทำไม่ได้ พ่ายแพ้กิเลสตน ผลร้ายก็ทวีคูณเฉกเช่นเดียวกัน
ยิ่งพวกถวายแล้วมีพฤติกรรมเย้ย คนรุ่นเก่าอย่างอาเส่ย จึงมักพูดเตือนเสมอ แม้นไม่มีใครรู้ แต่ฟ้าดินเขามีตา หากเขาหมั่นไส้ ไม่รอกรรม สิ่งที่จะเกิด นั่นคือ โดนตีนฟ้าเข้า หนักกว่าตีนกรรมอีก จะบอกให้
พร้อมกับแถมท้าย ดูอย่างช่วงปี ๓๐ นั้น ที่มีพระบวชเข้ามาถือหลักกินมื้อเดียวกันหลายสิบรูป ครั้นยามธุดงค์ ไปปักกลดยังสวนมะม่วง พระองค์หนึ่งอยากฉันมะม่วง ก็เลยไปเด็ดมะม่วงมาเก็บไว้ในบาตร กะฉันตอนเช้า ฟ้าสว่างอยู่ดีๆ ก็มืด มีพายุมา และก็มีฟ้าฝ่าต้นมะพร้าวมาทับกลดพระองค์นั้น คลานออกมาอย่างทุลักทุเล
จึงขอย้ำว่า ศาสน์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา แม้นให้คุณแก่ผู้ทำมหาศาล แต่ก็มีโทษอนันต์สำหรับผู้ที่ประพฤติตนไม่ควรในที่นี้ ...
หลวงพ่อนิพนธ์จึงเตือนเสมอ เว้นไว้สักที่ หากคิดจะทำบาปไปทำที่อี่นดีกว่า ทำที่นี่ไม่คุ้มเลย เพราะบาปมันเบิ้ล โดนทั้งตีนกรรม แถมด้วยตีนฟ้าอีก รับไม่ไหวหรอก หรือเชื่อว่าพรหมลิขิตท่านแข็งแกร่ง ก็ตามใจ...