ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556
๘ ต่อ ๘
ความน่าเสียดายประการหนึ่งในการฟื้นฟูตนนั่นคือ การที่คนเหล่านั้นไม่สามารถมาใช้แนวทางสมุนไพรได้ตั้งแต่เริ่มรู้ว่าตัวเองมีปัญหา
ดังนั้นจึงหลงทางไปในวิธีทางที่ผิด กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ก็มักจะเข้าขั้นวิกฤต แล้วนั่นเอง
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีคนไข้หนักสองท่าน ที่หลวงพ่อนิพนธ์รับไว้ ท่านแรกเป็นคนไข้หญิง ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ได้รับคำแนะนำจากหมอว่า ให้ใช้กรรมวิธีที่ดีที่สุดในการผ่าตัด และตามด้วยเคมีบำบัด ก็จะให้ผล
เธอจึงเข้าผ่าตัด และผลจากการผ่าตัด ทำให้เกิดอาการของเนื้องอกเกิดเร็วกว่าเดิม และเปลี่ยนจากเนื้องอกกลายเป็นมะเร็ง
คำแนะนำของหมอ คือ การผ่าตัดซ้ำ และก็ทำเช่นนี้ทุกครั้ง จนล่าสุดคือ ครั้งที่ ๘ ร่างกายเธอก็บอบช้ำจนหมอกล่าวว่า ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้อีก
รวมเฉพาะค่าผ่าตัด เธอสูญเงินไปกว่าสิบล้านบาท ก็พอรับได้ แต่สิ่งสำคัญที่กำลังจะเสียนั่นคือ ชีวิต
เฉกเช่นเดียวกับคนไข้อีกท่าน เป็นชาวเยอรมัน ภรรยาเป็นคนไทย ประสพอุบัติเหตุที่ขา หมอทำการผ่าตัด โดยใช้อุปกรณ์เทียมเข้าช่วย
ผลปรากฎว่าเกิดร่างกายปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมนั้น ทำให้เกิดเป็นหนอง และอักเสบ หมอก็ได้ทำการผ่าตัดซ้ำเพื่อแก้ไข
อาการดังกล่าวไม่หายไป แต่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนครั้งล่าสุด คือ ครั้งที่ ๘ เมื่ออาการดังกล่าวปรากฎอีก หมอก็บอกกับคนไข้ว่า ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้อีก นั่นคือ คนไข้ต้องเสียขาอย่างแน่นอนแล้วนั่นเอง
สิ่งเหล่านี้ มองดูแล้วจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เสียโอกาส เสียทรัพย์ และที่สำคัญ อาจต้องเสียชีวิตด้วย ทั้งๆที่ปัญหาสามารถแก้ไขได้ง่ายในช่วงเริ่มต้น
คนหลายคน อาจจะไม่เคยคิด เพราะว่าอาการของตนนั้นไม่สาหัส เช่น ความดัน เบาหวาน ... เมื่อมาทานสมุนไพร ก็คิดว่าประโยชน์ที่ได้รับน้อยนิดตามอาการที่เป็น
แต่แท้จริงแล้ว เมื่อสมุนไพรมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูคนป่วยโรงร้ายแรง นั่นหมายความว่า สำหรับคนที่ไม่เป็นหรือเริ่มเป็น ก็ยิ่งเป็นการดี นั่นคือ ป้องกัน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอ คนที่ทานสมุนไพรได้ระดับ อาการโรคหัวใจ มะเร็ง อัมพฤกต์ ... ไม่เป็นแน่นอน
การทานสมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์จึงแนะนำว่า หากสามารถให้ลูกหลานทานได้แต่เด็ก ย่อมเกิดภูมิอันมหาศาลแก่ลูกหลาน เรียกได้ว่า โตมาไม่เคยเฉียดโรงพยาบาลเลย
น่าเสียดาย ที่คนไทยไม่เห็นค่า ไม่เก็บรักษาสิ่งนี้ไว้ในแผ่นดิน .... หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า อยากเจอเราไปทวายก็แล้วกัน