นับจากวันนี้ไป หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า สิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิด เมื่อพลังบาปรุนแรง พลังของธรรมก็ต้องเข้มข้น เพื่อแก้ไขเช่นเดียวกัน
การเปลี่ยนแปลง จึงเริ่มจากคำสอน ที่มีความดุเด็ดเผ็ดมัน เรียกว่า สอนไปด่าไปก็ว่าได้ ทั้งนี้ หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ก็ต้องทำตัวเป็นเหตุ ให้คนป่วยทำใจ ใครทำใจได้ ก็ฟังเหตุและผล เก็บเอาไปใช้ช่วยตน ใครทำใจไม่ได้ ก็จะคิดว่า เป็นการด่า เมื่อทำใจไม่ได้ หลวงพ่อนิพนธ์ก็บอกว่า ก็ให้เขาหลุดไป
ต้นไม้ไม่เขย่า ก็ไม่รู้ว่าใบใดมีประโยชน์ ใบใด รอหลุดล่วง ฉันใดก็ฉันนั้น เวลานี้ ต้องการคนจริงที่มาเดินตามเท่านั้น นั่นคือ คัดเฉพาะคนที่หวังผลสำเร็จ นอกนั้น ต้องคัดออกไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เสียสมุนไพร เสียผล
ในขณะเดียวกัน สมุนไพรก็ต้องเพิ่มปริมาณ นับตั้งแต่คนไข้ใหม่ ก็ต้องได้รับปริมาณสมุนไพรที่เพิ่มขึ้น และหลังจากปีใหม่เป็นต้นไป สมุนไพรทุกชนิดจะต้องทำให้มีความเข้มข้นมากขึ้น และให้ทานปริมาณที่มากขึ้น เพื่อหวังผลในการทานที่มากขึ้น
ดังนั้นช่วงนี้จึงระดมทุน เพื่อจัดซื้อวัตถุดิบ และดูการตอบสนอง การนำวัตถุดิบมาให้ทำสมุนไพร แล้วไปตัดสินกันวันงานแม่ชีเมี้ยน
ดูว่าทานสมุนไพรมากขึ้น ผลจะเป็นอย่างไร ดูว่าคนไข้หนักสาหัส ให้เข้ามาแล้วหลวงพ่อนิพนธ์จะจัดสมุนไพรให้เป็นรายบุคคล ผลจะเป็นอย่างไร และที่สำคัญ ดูว่าคนไทยมีใจตอบรับสักเพียงไหน
ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาทอง ที่จะช่วยตน และคงหาโอกาสอย่างนี้ยาก โดยเฉพาะคนไข้หนัก
ก็ปรับตนให้เข้ากับสภาวะที่เข้มข้นนี้ ไม่เฉพาะการทานสมุนไพร หากแต่การกระทำของตนให้สอดคล้องตามด้วย แล้วจะเห็นปาฏิหารย์ ทำในสิ่งที่คนทั้งโลกทำไม่ได้ นั่นคือ ช่วยตนให้พ้นจากโรค
คำเตือนเล็กๆ จากหลวงพ่อนิพนธ์ เมื่อพระภูมีให้สิ่งที่งาม แต่ท่านก็สาปธรรมท่านอันมหาศาล เฉกเช่นเดียวกัน นั่นคือ ผู้ใดปรารถนาย่อมพานพบ ผู้ใดไม่ปรารภเหมือนกลบธรรม ....
อ้ายพวกที่มานั่งคุย นั่งเล่นโทรศัพท์ อ่านหนังสือ ... เรียกว่ามีการกระทำเย้ยหยัน .... ลำพังกรรมของมันก็กระอักเลือดแล้ว เสือกมาทำพฤติกรรมเลวๆกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขนาดเทวทัต พรหมลิขิตที่ว่าแน่ โดนเหยียบซะจมธรณี ...
คนประเภทนี้ เราดูแล้วบั้นปลายชีวิตน่ากลัวยิ่ง เพราะกรรมมันเบิ้ลแบบทวีคูณ กว่าจะตาย ดูไม่จืด ... จักทานสมุนไพรสักฉันใด ก็ช่วยไม่ได้เลย
ถึงวันนั้นสำนึกตนเสียใจ ก็สายไปเสียแล้ว
จึงอยากเตือนว่า ไม่เชื่อ ไม่อยากทำตาม ไม่เอากติกาของที่นี่ ... อย่ามาเลย ไปที่ที่ตนเองชอบ ดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมีกุศล ที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เก็บสมุนไพรไปให้คนที่เขาต้องการดีกว่า ....
พูดไปกระไรมี เพราะคนเหล่านี้ยังไม่เคยสัมผัสตีนฟ้า ... มันเลยเหิมเกริม ... หากแต่ด้วยสิ่งนี้เอง ที่ทำให้ลัทธิต่างๆทั้งอินเดีย ไม่มีใครกล้ายุ่งกับพระพุทธเจ้า ... จนเป็นที่มาของคำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
วันนึงเมื่อบทพิสูจน์ความจริงมาถึง กรรมจะลอยมาตามลม ผุ้คนจะล้มเป็นใบไม้ล่วง แล้วมาดูว่า คนที่ศรัทธา ยืนหยัด ทานสมุนไพร และทำตามพระภูมี จักมีผู้ใดล้มลงหรือไม่ ... นั่นแลคือยุคที่พระภูมีตรัสว่า ผู้ดีเดินตรอก ขี้คลอกเดินถนน