ในเมื่อเปิดยุทธวิธีแห่งการใช้สัจจะมานำตน ก็อยากจะเล่าอดีตของคนไข้ท่านหนึ่ง เมื่อครั้งถ้ำกระบอกให้พิจารณา
คนไข้ชายท่านหนึ่ง ป่วยด้วยโรคหอบหืด จนวันหนึ่งได้มีโอกาสไปถ้ำกระบอก
ความเลื่อมใสบังเกิด ทุกสัปดาห์ก็จะมาถ้ำ เพื่อใส่บาตร และรับสมุนไพรกลับบ้าน
กาลเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ผลของการทานสมุนไพร และใส่บาตร ให้ผลได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่เพียงพอในการแก้ไขวิกฤตของเขา
วันหนึ่ง ชายผู้นี้จึงเรียนถามหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ทำไมตัวเขาจึงเป็นเช่นนั้น ทั้งๆที่เขาก็มีความศรัทธา และปฏิบัติตน มาใส่บาตร ฟังคำสอนทุกสัปดาห์
หลวงพ่อนิพนธ์ อรรถาธิบายว่า ก็ด้วยเหตุที่พฤติกรรมดูว่าถูก แต่จิตเจตนานั้นผิดเป้าหมาย เหมือนไม้หลักปักเลน จึงไม่เป็นแก่นสารให้ตนพึ่งได้นั่นเอง
การมาด้วยเจตนาเช่นที่ทำอยู่ จึงไม่มีคุณค่า หรือได้ก็ได้น้อย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนว่า ให้กลับไปเริ่มใหม่ ด้วยใช้เหตุและผล คือ "สัจจะ" เป็นผู้นำในการมาของตน ว่า เราจะมาถ้ำกระบอก ทุกอาทิตย์ เพื่อมาใส่บาตร และฟังคำสอน หาใช่มาเพื่อรับสมุนไพรไม่ การรับสมุนไพรนั่นคือของแถม จากการทำตามสัจจะของเรา และให้มองข้ามโรคไปเลย ให้ทำตนเหมือนคนปกติ เมื่อวิญญาณเราวางไว้ที่สูง สิ่งศักดิ์สิทธิ ที่เรามาพึ่ง มาหา มาทำตามสัจจะนั้น ก็จะต้องยกกายเราให้สูงตาม ไปด้วย
ชายผู้นั้น ก็ทำตาม จนกาลผ่านไปประมาณสองเดือน ในคืนวันเสาร์วันหนึ่ง เขาเกิดอาการลงแดง โรคหอบหืด กำเริบหนัก หายใจรวยริน จนถึงเช้า อาการดูเลวร้ายมาก ลูกๆของเขา จะพาเขาไปโรงพยาบาล หากแต่ชายผู้นี้ปฏิเสธ และยืนยันที่จะรักษา "สัจจะ" ของเขาไว้
เขาจึงกล่าวกับลูกๆว่า หากเขาจะต้องตาย ก็ช่างมัน ขอให้ลูกๆ พาเขาไปถ้ำกระบอก เพื่อทำตามคำมั่นที่ให้ไว้
ลูกๆ ไม่อาจขัดใจผู้เป็นพ่อ จึงพาเขามายังถ้ำกระบอก และหามร่างไปหาหลวงพ่อนิพนธ์ หลวงพ่อนิพนธ์ทำสมุนไพรให้ทาน และนับจากวันนั้น เขาก็ไม่เคยมีอาการโรคหอบหืดอีกเลย
มาวันนี้ ชายผู้นี้มาเยี่ยมเยียนหลวงพ่อนิพนธ์ ด้วยวัย ๙๔ ปี และไม่เคยไปโรงพยาบาลอีกเลย นับจากวันนั้น
หลวงพ่อนิพนธ์สรุปให้พิจารณาว่า การมาหาแม่ชีเมี้ยน จึงมาเพื่อเจตนาแห่งการมาทำตนตามพุทธบัญญัติ ลดนิสัยตน มาทำความดีตามรอย เป็นที่พึ่่งแห่งตน ฟ้าถล่ม ดินทลาย ก็ต้องมา ... สมุนไพร เป็นเพียงของแถม และเมื่อทำเช่นนี้ การทานสมุนไพร ก็ไม่จำเป็นต้องทานมาก เพราะตัวแปรแห่งผล คือ การปฏิบัตินั่นเอง
อธิบายให้ฟังง่ายก็คือ ผลแห่งตัวปฏิบัติของเราท่าน นั่นคือ การปลุกเสกฤทธิ์ของสมุนไพรนั่นเอง หลักของพระภูมี จึงเรียกหลักตนพึ่งตน ใครทำ ใครได้ ....
หลวงพ่อนิพนธ์จึงยืนยันตลอดมาว่า ประเภทที่ฟังเขาเล่า ทานสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ โรคนั้นหาย โรคนี้หาย แล้วแห่กันมา ไม่ดูรายละเอียดเลยว่า คนที่หายเขาทำกันอย่างไร ... เมื่อมาก็จะเอาแต่สมุนไพรเพียงอย่างเดียว อย่างอื่นไม่สน .... คนเหล่านี้ ยากจะประสพผล
และยืนยันว่า หลักของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ต้องมีผู้นำ เมื่อหลวงพ่อนิพนธ์เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้นำ คำกล่าวของท่านนั้นคือ กุญแจ ที่ไขประตู เปิดให้เข้าไปยังหนทางบุญ
จึงไม่แปลกว่า พฤติกรรมที่บางคนทำ อาทิ นั่งฟังมาตั้งนาน แต่ทนนิสัยตนไม่ไหว แอบออกจากห้องก่อน หวังจะสบาย ได้เข้ากระโจมก่อน โดยไม่รอคำของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่กล่าวให้ไปเข้ากระโจมได้ ... อุปมาเหมือนพวกที่ ไม่เข้าทางตรอก ออกทางประตู เรียกว่าลักขโมย ปีนรั้ว ผลแห่งการทนนั่งมาทั้งหมด ก็มลายหายสูญ การเข้ากระโจม ก็ไร้ค่า .... เพราะมันนำของมันเอง ความคิดมันช่วยตัวมันเองได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่แล้ว .... หลวงพ่อนิพนธิ์กล่าวเสมอว่า คนประเภทนี้ ท่านไม่รับผิดชอบ
วันนึง ก็จักเป็นเช่นอดีตถ้ำกระบอก เมื่ออาการปรากฎ จักใช้สมุนไพรมากสักฉันใด ก็หยุดอาการคนเหล่านี้ไม่ได้ หลวงพ่อนิพนธ์มักใชัคำว่า เพราะท่านสั่งคนเหล่านี้ไม่ได้ นั่นเอง
ขอย้ำ ไม่ได้มาชักชวนให้ทุกคนเชื่อ และมาโต้แย้ง หรือ วัดผิดถูกกับใคร ... หากแต่คนที่พิจารณาแล้วเชื่อ ศรัทธา อยากทำตาม จักได้เดินถูกทาง