วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กว่าจะเป็นบุญ

ความหลากหลายเหล่านี้ ทำให้เกิดความสับสน แลไกลบุญของพระพุทธเจ้าไปทุกที

มิหนำซ้ำ บางคน บางจำพวก ก็กำหนดกฎเกณฑ์ จำกัดวง ของการทำบุญ ไว้กับตัวอีกต่างหาก

อันเป็นเหตุให้คนยุคนี้ สมัยนี้ ล้วนมีความคิดว่า เมื่อจะทำบุญ ต้องไปทำที่นั่น ที่โน่น จึงจะได้

แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสว่า บุญของพระภูมี มิเป็นเช่นนั้นดอก แลไม่ต้องใช้ปัจจัยอื่นใดนอกตัวเลย

และบุญที่ตนเองไปทำ แล้วคิดว่าได้นั้น ก็ไม่รู้ว่าไปสร้างสุขให้แก่ใครหรือเปล่า ก็เหมากันเองว่าได้

ผลที่สุด ก็ไม่มีบุญมาเลี้ยงตน บ้านก็ร้อนเป็นไฟ

หากแต่เมื่อมาทำบุญตามแนวของพระภูมี ไม่ต้องไปไหน แค่ผัวไม่ด่าเมีย เมียไม่ด่าผัว เอาธรรมคำสอนมานำหน้านิสัยตน ก็บังเกิดบุญ ก่อให้ครอบครัวเป็นสุขแล้ว

เมื่อคนป่วยมาที่ชมรม สิ่งหนึ่งที่จะถูกหล่อหลอมให้เห็น ให้ทำ นั่นคือ การทำบุญ

กำหนดกฎเกณ์ ในการสวดมนต์ จึงถูกจัดขึ้น เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นผลของบุญ

ไม่ว่าจะเป็นด้วยการบังคับ จำใจ หรืออย่างไรก็ตาม

คนที่มา จึงต้องถูกบังคับกาย ไม่ให้ทำตามนิสัย อยากไปไหนก็ไปไม่ได้ ต้องนั่งในห้องฟัง

เมื่อทำกายได้ ก็บังคับให้ไม่ใช้นิสัยตน ในการกล่าววาจา ด่าว่าคน นินทาคน บังคับให้ กล่าวคาถาอันเป็นมงคล หรือ วาจามงคล ของพระภูมีแทน

แลท้ายที่สุด ก็บังคับใจ โดยการฟัง เล่าเหตุและผล ให้พิจารณา แล้วไปบังคับตน เพื่อให้สร้างสุขแก่ผู้อื่น อันจะทำให้สุขนั้น ย้อนกลับมาหาตน ดังปรารถนา

ในทางกลับกัน ผู้นำ ก็ต้องทำหน้าที่ให้ครบองค์สาม คือ กาย วาจา ใจ เฉกเช่นกัน

จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่หลวงพ่อนิพนธ์จะไม่พูด เพราะนั่นหมายถึง การกระทำที่ไม่ครบ แต่ที่สำคัญกว่า ผู้ตามจะรู้ขึ้นมาได้โดยวิธีใด

หลักตนพึ่งตน ในการรักษาโรค เชื่อ สมมุติฐาน กรรมเป็นนาย โรคเป็นบริวาร

พระภูมี ทรงตรัสรู้ จึงบัญญัติ ธรรมเป็นนาย สมุนไพรเป็นบริวาร เป็นคู่ต่อสู้ ให้มาปฏิบัติ

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ทุกข์ที่เกิด มันมาจากกรรมที่ทำมา ทำแล้ว และกำลังส่งผล จะปฏิเสธทุกข์อันนี้ไม่ได้เลย

การมาทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว จึงไม่สามารถจบปัญหาจากทุกข์อันนี้ได้ เพราะเมื่อหายจากโรคอันนี้ ก็ไปเจอทุกข์จากสิ่งใหม่ เช่นโรคใหม่ หรือ อุบัติเหตุ ... อะไรก็ได้ แล้วแต่กรรมจะบันดาล

พระภูมี ชี้ให้เห็นว่าอย่าปฏิเสธกรรมที่เราท่านทำมาแล้ว หากแต่วิธีของท่าน ที่บัญญัติมา จึงแปรเปลี่ยนรูปในการทุกข์กับกรรม มาเป็นทุกข์กับธรรมแทน

การนั่งสงบ ลดกิริยา จึงเป็นทุกข์ การไม่ได้คุย ต้องมาสวดมนต์ จึงเป็นทุกข์ การพยายามสร้างสุขให้แก่ผู้อื่น ไม่ด่าเขา ก็เป็นทุกข์

การทานสมุนไพร ก็เป็นทุกข์ เข้ากระโจมเป็นทุกข์ เดินทางมาเป็นทุกข์

แต่ทุกข์เหล่านี้ เป็นการทุกข์กับธรรมวินัย ที่พระภูมีบัญญัติ

เมื่อเราทุกข์กับสิ่งนี้แล้ว ก็ไม่ต้องทุกข์จากโรคภัยอีก

แลเมื่อเราอยู่ในครรลองคลองธรรม สร้างสุขให้แก่ผู้อื่น เมื่อสุขนั้นคืนมาหาเรา ย่อมต้องทำให้โรคหายไปจากตัวเรา มิฉะนั้น ทุกข์จากโรค ที่ยังอยู่จะทำให้เราท่านสุขได้อย่างไร

นี่แหละจึงเป็นปาฏิหาริย์ ของหลักพระภูมี

ไม่ต้องไปหาบุญไหล เพราะมันอยู่ที่นิสัยของเราท่านนี้เอง ที่ไปสร้างทุกข์สร้างสุขให้แก่ผู้อื่น แล้วผลมันย้อนมาหาเรา

การมาของโรคต่างๆ ไม่ว่า เบาหวาน มะเร็ง ... มันก็เหมือนปาฏิหารย์ของกรรม เฉกเช่นเดียวกัน เพราะไม่ต้องเชิญมันก็มา

หลายคน ตั้งความหวัง ทานสมุนไพร แล้วจะไม่เจ็บ จะไม่ปวด ใดๆ ทั้งสิ้น ทานแล้วราบรื่น หายเลย

มันจึงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้

สิ่งที่ควรขอ นั่นคือ ขอให้มีความขันติ อดทน ยืนหยัดอยู่ได้ แล้วเรียนรู้ปฏิบัติตน เพื่อสร้างสุขให้แก่ผู้อื่นมากที่สุด

เมื่อสุขย้อนคืนมา นั่นคือ การล้างกรรมที่ทำมา ทุกข์ที่เกิดจากโรคก็เบาบาง แลหายไปในที่สุด

จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมหลวงพ่อนิพนธ์จึงแนะนำคนบางคน ที่อยู่ในสถานะที่เบียดเบียนผู้อื่นจนเกินไป จนกลายมาเป็นโรค แล้วให้ไปขัดห้องน้ำ

ก็ห้องน้ำมันให้สุขแก่คนมากมาย ทุกวัน ผลที่ย้อนกลับมาก็มหาศาล

ในอดีตที่เปิดรับรักษายาเสพติด จึงถึงกับขั้น จองคิว ล้างกระโถน ห้องน้ำ ตักถังส้วม กันเลยทีเดียว

พระภูมี จึงตรัส อยากหาบุญ ก็ลดนิสัยตนเป็นบางสิ่งบางอย่าง

หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า แค่ไม่โกรธ ไม่ด่ากัน ทำได้ โรคก็แทบเผ่นไม่ทันแล้ว

ดูอย่างคุณครูที่ตัวเมืองกาญจน์ เป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย แค่เปลี่ยนมาไม่ด่า ไม่ตีลูกศิษย์ ตั้งใจถ่ายทอดวิชา มะเร็งก็เผ่นป่าราบ

อยากจะรู้ว่าสิ่งที่ทำเป็นบุญหรือไม่ จึงต้องสาวไปให้ถึงที่สุดว่า ผลของการกระทำนั้น ให้สุขแก่ใคร สิ่งไหน หรือไม่ ถ้าไม่มี การกระทำนั้นก็ไร้ผล มีแต่บุญที่เป็นลมเท่านั้นเอง

ภาพจึงฟ้อง ยิ่งทำ ตัวเองยิ่งทรุด โรคเกาะมะรุมมะตุ้ม ... มีบุญมันไม่เป็นอย่างนั้นดอก

ทุกคนล้วนมีประสพการณ์ และผ่านการกระทำ ที่เรียกกันว่า บุญ กันมามากมาย แลไปที่ไหน ก็มีการกล่าวอ้าง ว่าทำอย่างนี้ ทำอย่างนั้นซิ เป็นบุญ

บุญของพระภูมี ก็คือ การทำย้อนกับการทำบาป นั่นเอง ทำที่ไหนก็ได้

หากแต่นิสัยที่นำมาใช้ในการสร้างกรรม คือ นิสัยของตนเอง เมื่ออยากจะทำบุญ ก็ต้องมาฝืนนิสัยตน นำนิสัยของพระภูมี มานำแทน

ผลของการสร้างบุญ จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีผลที่สร้างสุขให้แก่มนุษย์แลสัตว์ อื่นๆ แล้วนั่นเอง

เมื่อสมัยนี้ เขาไม่สร้างบุญด้วยนิสัย หลวงพ่อนิพนธ์จึงยกภาพที่เกิดมาให้พิจารณา นั่นคือ คนทั้งหลาย คิดว่าตนไปทำบุญมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องลดนิสัย เปลี่ยนแปลงควบคุมพฤติกรรมอันใดเลย กลับมาก็ยังด่าลูกเมีย ตบตีลูกเมีย ผัวด่าเมีย เมียด่าผัว มีให้เห็นกันดาษดื่น

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44