วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความไม่รู้


วันก่อนรถของเราเสียในตอนกลางคืน ขณะจะขับกลับบ้าน ตรงบริเวณตัวเมืองของนครปฐม ดูท่าทางจะอาการหนัก ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่ใช่คนพื้นที่ ก็เลยให้รถลากเข้าอู่บริเวณนั้นไปก่อน

เราถามเจ้าของอู่ว่าทำรถรุ่นนี้ได้ไหม คำตอบคือว่าได้ เคยทำมาแล้ว ก็เลยให้ลองทำดู หลายวันต่อมาช่างบอกว่าเสร็จแล้ว ไปรับรถ รถขับได้แต่เสียงเหมือนจะพัง ช่างบอกว่าเป็นที่วาล์ว วิ่งไปศูนย์ให้เขาตั้งให้ เพราะต้องใช้เครื่องมือพิเศษ วิ่งออกมาได้กิโลเดียว เครื่องดับ สตาร์ทไม่ติด พอดีอยู่หน้าร้านไดนาโม ให้เขามาดูเขาบอกว่า ไดสตาร์ทเสีย

ให้รถมาลากเข้าร้านได เปลี่ยนไดเสร็จ ช่างบอกให้อู่ข้างๆ เช็คเครื่องอีกที ถามเขาว่าอู่นี้ซ่อมรถรุ่นนี้เป็นหรือ เขาบอกน่าจะได้ เพราะเห็นมีรถแบบนี้จอดที่อู่ ก็ลากรถไปอู่อีกรอบ ช่างบอกว่าทำได้ แล้วก็รื้อเครื่องอีก

ช่างแจ้งว่าเป็นที่หัวฉีดไม่ดี ให้ซื้อมาเปลี่ยน ซื้ออะไหล่ไปให้เปลี่ยน ช่างก็บอกว่าไม่หาย น่าจะเป็นที่ตัวอื่น แล้วก็บอกว่าน่าจะเป็นที่ตัวโน้น ... เปลี่ยนแล้ว ก็ไม่ใช่ ... ช่างก็บอกน่าจะเป็น ... ก็เลยบอกช่างไม่ต้องทำแล้ว ตัดสินใจลากกลับไปทำที่อยู่ที่แถวบ้านที่ทำรถรุ่นนี้อยู่

ช่างแถวบ้านบอก เครื่องพัง ชาร์ป ละลาย ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ ตกลงกว่าจะจบหมดไปหลาย ...

ที่เล่าเรื่องมา ก็เพราะนึกถึงคำหลวงพ่อนิพนธ์ที่ว่า เรื่องของชีวิตก็เหมือนกัน เมื่อเสียหายควรจะให้ใครซ่อม เรื่องของรถ ยังต้องหาช่างที่รู้จริง เรื่องของชีวิตยิ่งต้องเลือกคนซ่อม เพราะมิฉะนั้นไม่เพียงเสียทรัพย์ ยังต้องเสียชีวิตอีกต่างหาก

ภาพวันพฤหัสที่ผ่านมา มันจึงตอกย้ำความเป็นจริงของสัจธรรมข้อนี้ เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งมาขอพบหลวงพ่อนิพนธ์ แจ้งให้ทราบว่า เขามีน้องคนหนึ่งเป็นมะเร็งลำไส้ อายุ ๒๙ ปี อยู่ประเทศฝรั่งเศส หมอฝรั่งเศสตรวจร่างกายแจ้งให้ทราบว่า มะเร็งที่น้องเป็น เป็นชนิดเฉียบพลัน อันหมายความว่ามีอัตราการเจริญเติบโตของก้อนเนื้อมะเร็ง เร็วกว่าปกติหลายเท่าตัว ไม่สามารถรักษาได้

หมอทำการผ่าตัดก้อนเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็ง แล้วก็บอกว่าทำได้แค่นั้น

พี่ชายจึงจ้างหมอจากโรงพยาบาลพระมงกุฎ บินไปรับน้องกลับจากประเทศฝรั่งเศส กลับมาเพื่อรักษายังเมืองไทย ณ.โรงพยาบาลศิริราช

หมอศิริราชจัดให้เข้าคอร์สฉายแสงบำบัด จนร่างกายทนไม่ไหว ทานอาหารเองไม่ได้ หมอจึงได้เจาะกระเพาะเพื่อป้อนอาหารทางสายยางแทน

จนในที่สุดหมอบอกแก่พี่ชายว่า หมดทางรักษา และได้ทำการถอดสายยางป้อนอาหารออก ให้เฉพาะน้ำเกลือ แล้วให้ทำใจ รอคนไข้จะหมดลม

มีคนบอกข่าวเรื่องมูลนิธิไทยกรุณาแก่เขา เขาจึงมาขอพบหลวงพ่อนิพนธ์ เพื่อขอคำแนะนำ และวิธีการ เพื่อที่จะมีโอกาสช่วยน้องได้

มีคนบอกข่าวเรื่องมูลนิธิไทยกรุณาแก่เขา เขาจึงมาขอพบหลวงพ่อนิพนธ์ เพื่อขอคำแนะนำ และวิธีการ เพื่อที่จะมีโอกาสช่วยน้องได้

มีคนบอกข่าวเรื่องมูลนิธิไทยกรุณาแก่เขา เขาจึงมาขอพบหลวงพ่อนิพนธ์ เพื่อขอคำแนะนำ และวิธีการ เพื่อที่จะมีโอกาสช่วยน้องได้

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า นี่แหละคือผลแห่งความไม่รู้ในเรื่องของพระภูมี เรื่องโลกทุกคนล้วนมีภูมิรู้กันมากมายเต็มหัว แต่เรื่องของชีวิต ไม่รู้อะไรเลย เมื่อเกิดปัญหา จึงพาตนไปมอบให้คนนี้ คนนั้นช่วย ก็คนที่ไปให้ช่วย ตัวเขาเองยังเป็นโรคเลย จะมาช่วยได้อย่างไร ผลที่ได้คือ ไม่เพียงเสียเงิน แต่จะเสียชีวิตไปด้วย

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงอรรถาธิบายให้พี่ชายเขาฟังว่า การวินิจฉัยที่ผิด ทำให้การแก้ไขผิด ผลมันจึงไม่เกิด

มะเร็งมันเป็นเซลล์ที่เติบโตจากการกินเลือดของมนุษย์ เมื่อหมอวินิจฉัยว่า มะเร็งเติบโตจากอาหารที่มนุษย์ทานเข้าไป หมอจึงสั่งไม่ให้ทานเนื้อ หรืออาหาร และท้ายที่สุด ก็ถึงสายอาหารออก นั่นแหละคือจุดตาย เพราะคนไข้จะไม่ได้ตายเนื่องจากโรคมะเร็ง หากแต่จะตายเพราะขาดสารอาหารแทน

ดังนั้น คนป่วยด้วยโรคมะเร็ง ยิ่งมีความจำเป็นต้องทานอาหาร เพื่อให้ร่างกายมีวัตถุดิบในการสร้างเลือด อีกทั้งยังทำให้อวัยวะส่วนอื่นที่ไม่ได้เป็นมะเร็ง มีความสมบูรณ์ ในการทำงาน ร่างกายจึงพอที่จะต่อสู้กับมะเร็งที่เป็นได้ หากไม่ทานอาหาร แทนที่จะมีเหตุจากมะเร็งเฉพาะส่วนนั้นๆ พาลทำให้อวัยวะส่วนอื่นบกพร่อง เสียหาย รวนไปทั้งระบบ จนแก้ไขไม่ได้

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงบอกแก่พี่ชายคนป่วยว่า ให้บอกหมอเสียบสายป้อนอาหารกลับเข้าไป ป้อนสมุนไพรเขียวทุกชั่วโมง ตามด้วยอาหารประมาณ ๑๐๐ ซีซี แล้วอีกสามวันมารายงานผล

ความไม่รู้นี้เอง ทำให้สิ่งที่เป็นปัญหาของเรา ถูกแก้ไม่ตรงจุด วิ่งไปผิดทาง เสียเวลา เสียเงิน ก็พอทน แต่อาจลามไปถึงเสียชีวิต

วิทยากรที่ให้ความรู้ทุกท่าน จึงแนะนำให้ผู้ป่วยใหม่ทุกท่าน ควรที่จะทานอาหารให้ครบหมู่เป็นประการสำคัญประการหนึ่ง ควบคู่ไปกับการหยุดยาเคมี แล้วหันมาทานสมุนไพร เพื่อเป็นวัตถุดิบป้อนแก่ร่างกาย

คำพูดเล่นๆ แต่เป็นเรื่องจริง ที่มักจะได้ยินคือ "อะไรที่หมอห้าม กินก่อนเลย"

ก็ชีวิตอยู่มาได้ เพราะการกิน หากกินไม่ได้ นั่นหมายถึง "ตายแน่"

หลวงพ่อนิพนธ์ ให้สมุนไพรเขียวแก่พี่ชายคนป่วย ที่รับด้วยอาการมือสั่น อันเป็นประกายความหวังที่น้องจะมีชีวิตรอด พร้อมกับควักเงินปึกใหญ่ออกมา แล้วถามหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ค่ายาเท่าไหร่ครับ

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ก็น้องทานยาดี ราคาแพงมาก็มาก แล้วเป็นไง เปลี่ยนมาใช้ยาบุญ ทานฟรีมั่งซิ

หากจะใช้เงินซื้อสมุนไพรนี้ ก็เตรียมตัวจัดงานให้น้องได้เลย ไปเถอะไปลองยาฟรีของแม่ชีเมี้ยน แม้นไม่มีราคา แต่มีคุณค่าต่อชีวิตมหาศาล เพราะชีวิตของน้องมีราคามากกว่าเงินไม่ใช่หรือ นั่นแหละคุณค่าของสมุนไพร

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44