วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทำให้ครบ

หลวงพ่อนิพนธ์เล่าอดีตให้ฟังว่า ด้วยนิสัยเดิมของท่านตั้งแต่ครั้งฆราวาส นั่นคือ ชอบอยู่คนเดียว ไม่ค่อยจะไปยุ่งกับผู้อื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ครั้นเมื่อถูกบังคับให้ไปบวชกับแม่ชีเมี้ยน นิสัยอันนี้ ก็ทำให้ท่านกลายเป็นพระ ที่เมื่อเสร็จกิจ ก็ไปนั่งวิปัสสนา กรรมฐาน ที่บริเวณหลังเขา ปลีกวิเวก ทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะไม่อยากพบผู้คนนั่นเอง

ความสามารถและอดทนในการนั่งความเพียร ไม่เป็นสองรองใคร เรียกว่า นั่งจนตัวลายกลายเป็นตุ๊กแกเลย

จนกระทั่งถูกแม่ชีเมี้ยนไปดึงหู ตามตัวลงมา แล้วเล่าเรื่องครั้งพระโคดม เมื่อสำเร็จเป็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว หมดกิเลส แล้วพิจารณามนุษย์ ก็เห็นว่าธรรมของท่าน ทำได้ยาก คงไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้ พิจารณาแล้วก็ตัดสินพระทัย อดอาหาร เพื่อเข้านิพพานเลย

ครั้นเมื่อได้สติ แลกลับมาหาบุญกับมนุษย์ จึงมีพระอรหันต์สาวก และมีบุญพาไปนิพพาน ฉันใดก็ฉันนั้น การไปนั่งความเพียรเพียงอย่างเดียว อุปมาพวกฤาษี ไม่มีทางได้บุญไปนิพพานหรอก สิ่งที่ทำกำลังเดินสวนทางกับคำสอนของพระภูมีแล้ว

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงต้องกลับมาเรียนสมุนไพร เพื่อช่วยคน อันเป็นการแสวงหาบุญ

หากแต่นิสัยเดิม ก็ยังคงพัวพันอยู่ ดังนั้น ความที่ไม่อยากยุ่งกับคนอื่น และชอบสันโดษ เมื่อทำสมุนไพรเสร็จ ก็ไปกองเอาไว้ เรียกญาติโยม ใครอยากได้ก็มาหยิบเอาไป

แม่ชีเมี้ยน จึงเขกกระบาล แล้วสอนว่า เมื่อขณะเราสร้างกรรม มันถึงพร้อมด้วย กาย วาจา และใจ กรรมมันสมบูรณ์ยิ่ง แต่เมื่อเรามาสร้างบุญ วิญญาณ บังคับกายให้ทำสมุนไพร บังคับใจให้มีสติในการทำให้ แล้ววาจาหล่ะไปไหน

การที่บังคับให้บวช ก็เพื่อให้ศึกษาหนทางบุญของพระภูมี และเมื่อเรียนสมุนไพรเพื่อช่วยคน ก็ต้องอาศัยซึ่งองค์ประกอบ "สมุนไพรล้างโรค บุญล้างกรรม"

แล้วจะเอาสมุนไพรไปกอง ให้ญาติโยม โดยไม่สอนหนทางบุญแก่เขา เพื่อที่จะไปล้างกรรม แล้วญาติโยมจะประสพผลในการหายโรคได้เช่นไร แล้วบุญของท่านจักสมบูรณ์ได้หรือ โดยไม่มีวาจา

จึงเป็นที่มาของความจำเป็นของผู้ให้ที่จะแสวงบุญ ที่จะต้องพูด เพื่อให้คนฟังเข้าใจ หนทางบุญ เพื่อนำไปพิจารณา เหตุและผล แล้วทำตาม เพื่อช่วยตน

ในทางกลับกัน คนที่มาหา แล้วคิดจะเดินทางสมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เพื่อช่วยตนเล่า คงหนีไม่พ้นที่จะต้องทำแบบเดียวกันนั่นเอง

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอว่า หากสมุนไพรเพียงอย่างเดียวช่วยได้ ไม่ต้องลำบากมาหรอก จะทำแล้วบรรทุกใส่รถไปแจกให้ถึงบ้านเลย แต่ความจริงก็คือความจริง "มันไม่ได้"

เมื่อความจริงที่พระภูมีทรงชี้ให้เห็น คือ ธรรมของท่านเป็นสายกลาง ให้เพื่อพิจารณา เหตุและผล แล้วจึงทำ อันหมายความว่า "ใครทำ ใครได้"

ดังนั้น จึงต้องทำเสมือนบังคับกลายๆ ให้มาทำ เมื่อทุกคนที่มา จะมาด้วยเหตุใดก็ตาม วิญญาณก็บังคับกายมายังสถานที่นี้ แล้ววิญญาณก็บังคับวาจาให้สงบนิ่ง แทนที่จะพูดตามนิสัย ก็มาสวดมนต์ พูดธรรมของพระภูมีแทน และบังคับใจของตน ให้อดทน ต่อสภาพแวดล้อม นั่นคือ ไม่เป็นทุกข์ ด้วยอากาศที่ร้อน ไม่เป็นทุกข์ด้วยเสียงจากรอบข้างที่ไม่ถูกใจ ไม่เป็นทุกข์จากภาพที่ไม่ชอบ หรือคนที่ไม่ชอบ สร้างสภาวะจิตที่สงบ ไม่ไหลไปตามสภาวะแวดล้อม

การเข้ามาห้องสวดมนต์ จึงหมายถึง การสะสมบุญในทุกวินาที ที่ซึ่งมีความหมายยิ่ง ด้วยแม่ชีเมี้ยนทรงชี้ให้เห็นว่า เงินบุญนั้นใช้ซื้อกรรมได้ นั่นเอง

นั่นหมายความว่า เราท่านสามารถลดทอนต้นเหตุแห่งโรค และทุกข์ต่างๆ ที่เกิดแล้วหรือจะพึงเกิดได้ ด้วยบุญอันนี้

หนทางช่วยตนเอง ให้ประสพมรรคผล มนุษย์สมบัติ คือ ความไม่มีโรค จึงเป็นไปได้

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงเน้นย้ำทุกครั้งว่า ผู้ใด ไม่ให้ความสำคัญ ในช่วงเวลาบุญแล้วไซร้ หนทางแห่งความสำเร็จก็ย่อมเป็นเพียงแค่ความฝัน หลอกตัวเองไปวันๆ

การทานสมุนไพร เพียงอย่างเดียว ก็คงได้แค่ยืด หรือประทังเท่านั้นเอง เรียกว่ามาเสียเวลาเปล่า

เมื่อทั้งผู้ให้ และผู้รับ ต่างต้องพึ่งบุญ จึงต้องร่วมมือกัน จึงจะเกิดผล

ศาสนาสอนให้เป็นปราชญ์ จึงใช้สิ่งนี้เพื่อพิจารณาคนใดควรคบ ก็ดูจากพฤติกรรมของเขาที่ทำแก่ตนเองนั้นไซร้ กิจกรรมทำเพื่อช่วยตน ยังไม่ทำ ทำแต่กิจกรรมทำร้ายตนเอง คนประเภทนี้พระภูมี กล่าวไว้ "หนีให้ไกล" ในเมื่อตนของตนยังไม่รัก จะไปรักผู้อื่นแท้จริงได้อย่างไร

จึงไม่แปลกเลย ที่สักวันหนึ่ง คนประเภทนี้จะต้องถูกเชิญออกจากสถานที่นี้ไป จะเรียกว่าไร้เมตตา ก็คงจะหาได้ไม่ เพราะมันน็อตคนละเกลียว เข้ากันไม่ได้

ใครจะว่าคนประเภทนี้ดีสักฉันใด มีเมตตาแก่ผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยสรรพสัตว์สักฉันใด หากแต่นั่นคือดีของโลก ในโลกของศาสนา ฟ้าดินเขาปฏิเสธ แลเรียกคนประเภทนี้ที่มีพฤติกรรมทำร้ายต้นเอง ว่าคนอำมหิต ...

คนที่รักกันจริง มีเมตตาจริง จึงมีแต่ชวนชัก ให้มีสติ เมื่อถึงเวลาบุญ เข้าอยู่ในเขตบริเวณ ชวนกันสงบ รักษากรรมฐานของตนไว้ แล้วคอยฟัง หนทางบุญ ฟังได้บ้างไม่ได้บ้าง วันละนิด ก็ยังดี ค่อยๆ เรียนรู้ จะช้าเร็ว เป็นบัวเหล่าใด ก็ต้องสำเร็จเข้าสักวัน ในความพยายามของตนเอง

วันเวลาตัดสิน นั่นคือ วันตายของทุกคน แล้วจะรู้ว่า สิ่งที่ทำและตามติดวิญญาณไปด้วยนั้น เป็นเช่นไร สัญญาธรรม หรือสัญญากรรม ... เกิดชาติหน้าฉันใด จะได้สัมผัส ความไม่มีโรค หรือ โรคกรรมพันธุ์ที่เกิดตามติดกันมา ทุกภพทุกชาติ

และจะได้รู้ซึ้ง คำตรัสของพระภูมี ที่ว่า วิญญาณนั้นโดดเดี่ยว ไม่มีใครเป็นที่พึ่ง นอกจากตัวกระทำของเราเอง

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44