ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556
มองไม่เห็น
พระภูมีสอนสาวก ให้เชื่อเรื่อง "กรรม" และสอนวิธีการเอาชนะ ด้วย "ธรรม" ที่ทรงตรัสรู้มา
ดังนั้น หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า สิ่งที่ท่านพูด บทสรุปจึงมีแค่สองเรื่อง คือ กรรมและธรรม เท่านั้นเอง
นั่นคือ ทุกข์เกิดจากกรรม ดั่งคำตรัสสอนสงฆ์ที่แม่ชีเมี้ยนให้พึงระลึกไว้เสมอ ว่า "กรรมมันใช้ กรรมมันสั่งแล้วเป็นทุกข์" และทุกข์ที่เกิด ไม่มีความรู้ใดของโลกที่ใช้เพื่อดับได้ นอกจากธรรมของพระภูมีเท่านั้นเอง
ในบทบัญญัติของวิทยาศาสตร์ ไม่มีเรื่อง กรรม และธรรม หากแต่อาศัยองค์ความรู้ที่ค้นคว้าและสร้างขึ้น สะสมกันมาหลายชั่วอายุคน เป็นภูมิความรู้ที่มนุษย์จัดว่ายิ่งใหญ่
หลวงพ่อนิพนธ์ มักกล่าวเสมอว่า ภูมิปัญญาของมนุษย์ นั้น ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่มนุษย์ แต่เรื่องของชีวิต วิญญาณ สิ่งที่มนุษย์มี เรียกว่า ปัญญาโลก นั้น แม่ชีเมี้ยนได้ชี้ให้เห็นว่า "กรรม เป็นผู้สร้าง" ดังนั้น ปัญญาที่ีมีจึงไม่สามารถที่จะมาทำลายล้าง กรรม ที่มีอำนาจเหนือ ได้เลย
สำหรับธรรม หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า แม่ชีเมี้ยนทรงเรียกว่า "ปัญญาเหนือโลก" การตรัสรู้ของพระภูมี จึงทรงรู้แจ้งเห็นจริงของธรรมชาติ จักรวาล รู้บ่อเกิดแห่งกรรม และ บ่อเกิดแห่งบุญ
ด้วยเหตุผลนี้เอง ที่แม่ชีเมี้ยนทรงตอบว่า ทำไม มนุษย์จึงต้องพึ่งศาสนา หรือ ต้องมีศาสนา
กรรม และ ธรรม มักจะถูกทำให้เลือนหายด้วยวิทยาศาสตร์ ก็ด้วยเหตุที่ ไม่มีตัวตนเป็นรูปธรรม ที่เห็นได้นั่นเอง
แต่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า แม้กระนั้นก็ตาม ทุกคนก็ยังสัมผัสถึงอำนาจของสองสิ่งนี้ได้ เมื่อทำแล้ว ถึงเวลาก็ต้องได้รับอย่างแน่นอน และหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
บทพิสูจน์ท้าทายของนักวิทยาศาสตร์ต่อกรรม อันมีปรากฎเป็นหลักฐานชี้ชัด ได้แก่การทดลองทำเด็ก ให้มีความบริสุทธิ์จากเชื้อมะเร็ง ตั้งแต่ก่อนคลอดและหลังคลอด
ผลของการทดลองดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะทำเช่นไร ผลที่ได้ก็คือ ทารกทั้งหมดก็ยังคงมีเชื้อมะเร็งอยู่ในตัวตน
หน้าที่ของหลวงพ่อนิพนธ์ จึงปลุกปั่นชาวประชา ให้ก้าวพ้นวิทยาศาสตร์ เมื่อปัญหาที่เกิดเป็นเรื่องของชีวิต แล้วให้มาพิจารณาต้นเหตุ คือ "กรรม" แล้วหันมาใช้ภูมิปัญญาของพระภูมีเพื่อแก้ปัญหาชีวิตนี้ อันมีผลพิสูจน์มาแล้วว่า ผู้ทำได้ ชนะได้
เมื่อเรียนรู้ เรื่อง กรรมและบุญ แล้ว จะเห็นได้ว่า การเอาชนะโรคเป็นไปได้ และเป็นการกระทำที่ทุกคนทำได้ เมื่อเทียบกับการไปนิพพาน ที่บุญสามารถพาไปได้แล้วนั้น การหายโรคนับเสมือนเรียนอนุบาล หรือประถมต้น เท่านั้นเอง ก็แก้ปัญหาที่มีได้แล้ว
วิบากกรรมที่แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสกับหลวงพ่อนิพนธ์ คือ "ขึ้นอยู่กับความสามารถของท่านว่า ท่านจะพูดให้คนเชื่อและมาทำตามหลักพระภูมีได้มากน้อยเท่าใด ก็หายได้เท่านั้น หากแต่อย่าคิดที่จะให้คนทั้งโลก หรือ ส่วนใหญ่มาเชื่อท่าน เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้"
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงสรุปและชี้ให้เห็นว่า เรื่องของชีวิต ทางรอดจึงมีสายเดียว ที่พระภูมีได้ทรงชี้ไว้ให้ และมีอำนาจเบ็ดเสร็จ อันเป็นคำขวัญของชมรม คือ "สมุนไพรล้างโรค ธรรมล้างกรรม"
จุดเริ่มต้นของการแพ้ชนะในการพิชิตโรค จึงเริ่มที่สมมุติฐานของการเป็นโรคนั่นเอง หากไม่เชื่อว่าเป็นด้วยอำนาจของกรรม แล้วไซร้ การมาชมรมคนรักสุขภาพ ก็เป็นการเสียเวลาเปล่า
เพราะหากคิดเช่นนั้น สิ่งที่เราท่านมาหา นั่นคือ หมอ เพื่อให้ได้ยากลับไปช่วยตน ซึ่ง ที่ชมรมไม่มี หากแต่เราเชื่อเรื่องกรรม สิ่งที่เราท่านมาหา นั่นคือ ครูบาอาจารย์ ผู้ที่จะสอนและชี้ช่อง ให้เราท่าสิ่งที่จะช่วยตนของตนเองได้
กรรม คือ ปาฎิหารย์ที่มองไม่เห็น เมื่อถึงเวลา กรรมดี กรรมชั่ว ก็จะมาส่งผลให้ หาใช่เกจิอาจารย์ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ หรือ ความคิดอันเลอเลิศของเราไม่ เมื่อถึงเวลากรรมชั่วมาสนอง สติปัญญาที่ชาญฉลาด จึงไม่สามารแก้กรรมอันนั้นได้เลย
คำโบราณ ที่คนเฒ่าคนแก่สอนลูกหลาน จึงสอนให้ทำความดี สร้างวาสนา จนเป็นพังเพยที่ว่า "แข่งเรือแข่งพายพอแข่งได้ หากแต่แข่งวาสนานั้นทำไม่ได้"
เมื่อรู้ความจริงเรื่อง กรรม หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ศาสนาจึงสอนว่า มนุษย์เราเลือกเกิดได้ที่จะเป็นอะไร เลือกอนาคตของตนได้ ด้วยการทำตนในวันนี้นั่นเอง
สิ่งที่เป็นวันนี้ มาจากการกระทำของอดีต สิ่งที่เลือกให้เป็นในอนาคต จึงมาจากผลของการกระทำในวันนี้
เคล็ดที่หลวงพ่อนิพนธ์บอกว่า ทำให้หายโรคได้ง่ายได้ ที่พระภูมีทรงสอน ทำได้โดยเปลี่ยนพฤติกรรมนั่นเอง ให้เป็นธรรมลิขิต
นี่แหละทางเส้นเดียว ที่ทำให้รอดปลอดภัย
ใครจะมาหลอกทานสมุนไพร เมื่อหาย แต่ยังคงนิสัยเดิม หลวงพ่อนิพนธ์บอกไม่กลัวหรอก เพราะกรรมเขามีอำนาจ ไม่ตายด้วยโรคนี้ ไปเป็นอย่างอื่นตาย มันก็ตายเหมือนกัน จะเรียกว่าหายได้อย่างไร
ความคิดเช่นนั้นมันเป็นทางตัน