หลายคนที่ได้มาร่วมกิจกรรมกับหลวงพ่อนิพนธ์ ก็อาจมีความคิดว่า ผลของการทำเพื่อช่วยตนนั้น กิจกรรมนั้นจะต้องมีความสำคัญ จึงจะช่วยตนได้
อุปมาดั่งเช่น ในบริษัท ที่ตีค่าราคาเงินเดือน ตามงานหรือความรับผิดชอบของคนนั้นๆ
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน ก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น
หากแต่เรื่องของศาสนา ไม่เป็นเช่นนั้นเลย
กิจกรรมใดๆ ก็ตาม ที่หลวงพ่อนิพนธ์กำหนดให้ทำ ต่างหากที่มีผลต่อการช่วยตน ของเราท่าน
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงได้ยกตัวอย่างคนไข้หญิงท่านหนึ่ง ที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือด ผอมจนเหลือแต่กระดูก
คนไข้ท่านนี้ ไม่มีเงินรักษาตัว ด้วยโรคนี้ค่ารักษาแพงมากนั่นเอง จึงได้อาสาตนเองมาช่วยทำงานในกิจกรรมของหลวงพ่อนิพนธ์
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวแก่คนไข้ท่านนี้ว่า หากเชื่อเรา ก็รับผิดชอบในงานครัว ล้างจานชามไป ทานสมุนไพรไป แค่นี้ก็รอดแล้ว
คนไข้หญิงท่านนี้ ก็ทำตามที่หลวงพ่อนิพนธ์สั่ง และอยู่มาจนทุกวันนี้ ไม่เคยไปหาหมอ นับเวลาผ่านไปก็สิบกว่าปีแล้ว
หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า กิจกรรมใดๆ ที่มีผลต่อเรา ผู้ใดทำย่อมมีผลต่อผู้นั้นเช่นกัน
ความจริงข้อนี้ เห็นได้จาก คนไข้เอดส์ ที่หลวงพ่อนิพนธ์ได้นำไปไว้ให้ดูแลสถานที่ และสมุนไพรที่ศรีสวัสดิ์ ที่ซึ่งห่างไกลและไปมาลำบาก
คนไข้เหล่านั้น จึงทานสมุนไพรบ้างไม่ทานบ้าง พูดง่ายๆ มีก็ทาน ไม่มีก็งด
สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ มักกล่าวย้ำกับคนไข้เหล่านี้ อันเป็นพันธะสัญญา คือ "ต้นไม้รอด คนก็รอด"
คนไข้ที่ทำตามเหล่านั้น ก็ล้วนอยู่รอดมาจนทุกวันนี้
รายล่าสุด ก็วิศวกรหนุ่มจากรั้วสีชมพู ที่สามารถกลับไปทำงานได้แล้ว
แม้กระทั่งห้องน้ำ ที่หลวงพ่อนิพนธ์ ใช้แก้เคล็ดให้คุณปรียานุช ในการรักษาโรค เพื่อเปลี่ยนนิสัยจากชอบใช้คน มาทำให้คนใช้แทน ก็ช่วยทำให้คุณปรียานุช กลับมาเดินได้ และอยู่มาจนทุกวันนี้