หากเราประมาท และหย่อนยาน โอกาสที่จะเดินเข้าประตูสวรรค์ ที่แม้จะเหลือแค่เพียงก้าวเดียวก็ถึงแล้วก็มีสิทธิ์หลุดลอยได้
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงได้เล่าถึงคนไข้เบาหวานท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นกรรมการ และมีฐานะค่อนข้างดี มีหน้ามีตาในสังคม
สภาพของเขา ก่อนที่จะมาที่ชมรม อาการที่ปรากฎเห็นได้ชัด คือ เท้าจะมีสีดำขึ้นมาจนถึงหน้าแข้ง และเกิดอาการขาแข็ง ดังนั้นจึงต้องพึ่งการฉีดเสตียรอยด์ เพื่อให้ขาอ่อนลง จึงไปไหนมาไหนได้ และต้องทานยาเป็นกำ ทุกวัน
ครั้นได้ข่าวชมรม ด้วยความที่ทราบดีว่าหนทางที่เดินอยู่ มีแต่จะเลวร้ายลง จึงคิดจะใช้แนวทางสมุนไพร
หลวงพ่อนิพนธ์ทราบดีว่า คนที่มีสถานะเช่นนี้ มักจะมีความกลัวมากกว่าชาวบ้านทั่วไป ดังนั้น กระบวนการทุกขั้นตอนที่จะพึงเกิด จึงต้องบอกกล่าวให้ฟังเป็นระยะ
เริ่มจาก อาการที่จะพึงเกิดในระยะแรก หลังจากให้หยุดยาเคมี และเสตียรอยด์ รวมทั้งอาการที่จะพึงเกิดจากเบาหวาน
สิ่งที่ตามมา ที่หลวงพ่อนิพนธ์บอกกล่าว นั่นคือ เมื่อทานสมุนไพรไปได้ระยะหนึ่ง ร่างกายมีความสามารถฟื้นฟูตนเอง ก็จะเกิดแผลเพื่อเป็นหนทางระบายน้ำหนอง ที่เห็นเป็นสีดำที่บริเวณเท้าจนถึงหน้าแข้ง รวมทั้งพังพืดที่ก่อตัว
คนไข้ท่านนี้ก็ใช้เวลาทานสมุนไพรระยะหนึ่ง จนเกิดแผลที่นิ้วที่สองของเท้า ตามคำบอก ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์ก็ได้จัดสมุนไพรเพื่อดูดหนอง และพังพืดออกให้
จวบจนเวลาผ่านไปหนึ่งปี บริเวณที่เป็นสีดำก็ลดจนเกือบหมด อีกทั้งวันเวลาที่ผ่านมา คนไข้ก็พอใจ เพราะไม่ต้องทานยาเคมี และฉีดเสตียรอยด์อีกเลย
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนไข้เป็นกังวล นั่นคือแผลที่นิ้วซึ่งยังคงไม่ปิด
หลวงพ่อนิพนธ์ก็ให้เหตุผลว่า เป็นด้วยเหตุที่ร่างกายยังรีดของเสียออกไม่หมดนั่นเอง ดังนั้นจึงยังไม่ควรทำให้แผลดังกล่าวปิดลงด้วยสมุนไพรสมานแผล ควรรอจนกว่าของเสียหมดจะดีกว่า
ด้วยความที่เป็นผู้มีหน้ามีตาในสังคม เพื่อนฝูงมากมาย ที่ต้องเจอะเจอ จึงได้ยินคำพูดวันแล้ววันเล่า ว่าทำไมจึงมาเชื่อหมอผี เชื่อสมุนไพร หมอปัจจุบันเก่งๆ เยอะแยะ ดูซิ ตอนมาก็มาเท้าปกติ มาใช้วิธีนี้ จนทำให้นิ้วเป็นแผล แผลแค่นี้หมอเก่งๆ รักษา ไม่นานก็หายแล้ว
น้ำเซาะหินทุกวันหินยังกร่อน ความเชื่อที่ไม่มีเหตุและผลเป็นน้ำหนักทับเอาไว้ ไม่นานก็ถูกโยกคลอน แม้นสภาพที่กลับมาเดินได้ เท้ากลับมาขาวเหมือนเดิม ไม่ต้องพึ่งยาเคมี และเสตียรอยด์ มาเป็นปี ก็เบาเหมือนปุยนุ่นด้วยลมปากของคนอื่น
เขาจึงหยุดสมุนไพร แล้วหันไปหาหมอที่เพื่อนฝูงแนะนำ ด้วยความต้องการให้แผลที่นิ้วที่สองของเท้านั้นหาย เพื่อเดินได้สะดวก
ความจริงก็คือความจริง ผ่านไปสามเดือน ของการรักษาด้วยหมอแผนปัจจุบัน เขาต้องถูกตัดนิ้วเท้าไป ๓ นิ้ว พร้อมกับการไม่กล้ากลับมาสู้หน้าหลวงพ่อนิพนธ์ แม้ปัจจุบัน ผลจากการทานสมุนไพร เป็นปี ก็ทำให้เขาอยู่ได้โดยไม่ต้องฉีดเสตียรอยด์อีก แต่ก็ทานยาเคมีของหมอ พร้อมกับใช้ไม้เท้าช่วยเดิน เพราะการสูญเสียนิ้วเท้าไปทำให้การเดินของเขาเสียศูนย์
แลเหตุใหญ่ใจความที่ประการหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจไปตามคำแนะนำของพรรคพวก นั่นคือ ความปวด
หลวงพ่อนิพนธ์ได้อธิบายแก่เขาว่า เมื่อร่างกายไล่ของเสียออก ผลที่เกิดคือ อาการที่ไม่เคยรู้สึกเนื่องจากของเสียนั้นทำลายประสาทไป จะเริ่มฟื้นฟูกลับคืนมาอีกครั้ง ดังนั้น จะมีอาการปวดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
เมื่อใดที่มีอาการปวด นั่นหมายถึงอาการของเราใกล้จะหายแล้ว รอจนกว่าเซลล์ต่างๆ ฟื้นฟูเต็มที่ แล้วสู้อาการปวดได้ นั่นคือหายเบาหวานแล้ว แผลที่นิ้วก็จะเริ่มปิดเอง
แต่ท้ายที่สุด ผลของการกอบกู้ตนเองมาหนึ่งปี ก็ล้มไม่เป็นท่า แลเมื่อล้มแล้ว ก็ยากที่จะบากหน้ากลับมาหาหลวงพ่อนิพนธ์อีกครั้ง ได้แต่ฝากคำขอโทษ และเสียใจ
การฟังคำสอนทุกวัน จึงมีค่าอย่างยิ่ง และต้องฟังให้เกิดน้ำหนัก เพราะวันหนึ่ง เมื่อถึงวันตัดสินรอดไม่รอด คือ ลงแดง เราท่านจะได้เกิดมานะ มีขันติ และอดทน ต่อสู้อาการที่เกิด และรอจนร่างกายสามารถเอาชนะได้ โดยไม่ต้องอาศัยยาเคมีใดๆ
นั่นจึงต้องอาศัย "ตนพึ่งตน" บนรากฐานของเหตุและผล จึงจะประสพความสำเร็จ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักกล่าวว่า แนวทางนี้ "ไม่ผ่านนรก จะเข้าประตูสวรรค์ ได้โดยวิธีใด" จึงต้องใช้สติของพระภูมี นั่นคือ "ทุกข์วันนี้ สุขวันหน้า"
หลายต่อหลายคน ที่เมื่อทานสมุนไพรมาจนร่างกายมีความพร้อม ร่างกายก็จะต่อสู้กับโรค อาการของโรคก็จะปรากฎ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจ แต่กลับเป็นทุกข์ และหนีอาการกลับไปหาหมอ เพื่อใช้เคมีระงับอาการนั้นเสีย .... เป็นเรื่องน่าเสียดาย วันเวลา และโอกาสที่จะหาย อย่างยิ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น