คนที่กล่าวว่ารักษาโรคได้ จึงตกในภาษิต "หมองู ตายเพราะงู"
นั่นคือ ท้ายที่สุดหมอรักษาโรคเองก็จะตายด้วยโรค
สมุนไพรสูตรพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จึงไม่ได้มีหน้าที่รักษาโรค หากแต่มีไว้เพื่อฟื้นฟูอวัยวะสามสิบสอง และเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย
เมื่อร่างกายกลับมาปกติ และมีวัตถุดิบที่ต้องการคือสมุนไพร ร่างกายก็จะมีความสามารถในการรักษาตนเอง หรือ กำจัดสิ่งแปลกปลอม หรือเป็นโทษแก่ร่างกายออกได้เอง จึงเรียกว่า "ตนพึ่งตน"
หลวงพ่อนิพนธ์ได้ยกตัวอย่าง คนไข้ที่เป็นเอดส์ หรือที่เรียกกันว่า "ภูมิคุ้มกันบกพร่อง" นั่นคือ ภูมิร่างกายของคนป่วย ไม่สามารถแยกแยะเซลล์ที่ร้ายออกจากเซลล์ที่ดีได้ หรือผู้ป่วยมะเร็ง
วิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ ใช้แนวทางวิธีการทำลายเซลล์ ผลก็คือ ไม่เพียงทำลายเซลล์ที่ร้าย แต่เซลล์ที่ดี ก็จะถูกทำลายไปด้วย พร้อมกับทิ้งกากของเคมีไว้ ก่อให้เกิดอาการข้างเคียง ด้วยเหตุที่ไม่สามารถทราบแหล่งที่แน่นอน เพื่อทำลายนั่นเอง
หากแต่วิธีการของสมุนไพร จะฟื้นฟูภูมิให้กลับมาทำงานปกติ นั่นคือ สามารถแยกแยะได้ แล้วร่างกายจะขับออกจากร่างกาย ทางใดทางหนึ่ง
เราท่านจึงเห็นคนเป็นมะเร็งเต้านม ที่เชื้อถูกดันออกมา หรือไม่ก็ถูกทำให้ฝ่อลง
และด้วยเหตุนี้เอง ไม่่ว่าคนป่วยจะมาด้วยโรคอะไร จึงได้รับสมุนไพรแบบเดียวกัน ก็เพราะทุกคนมีอวัยวะสามสิบสอง เหมือนกัน และมีภูมิเป็นเครื่องมือในการช่วยตนเหมือนกัน
สมุนไพร จึงมีสองกลุ่มหลัก กลุ่มแรกทำหน้าที่ฟื้นฟูรักษา อวัยวะ และ ภูมิ กลุ่มที่สองทำหน้าที่ แก้ไขอาการที่บังเกิด เช่น เป็นหนอง ก็มาขอสมุนไพรดูดหนอง มีอาการไอ ก็มาขอสมุนไพรแก้ไอ ถ่ายไม่ออก ก็มาขอสมุนไพรระบาย
สถานที่ของชมรมคนรักสุขภาพ จึงไม่มีหมอ ไม่รับรักษาใคร แต่หลวงพ่อนิพนธ์ มีสมุนไพร และมีคำสอนให้ นำกลับไปใช่ช่วยตนเองได้
ที่สำคัญ สามารถช่วยคนพร้อมกันทีละมากๆ ได้ ในคราวเดียวกัน หากเป็นหมอที่อ้างว่ารักษาโรคได้ ลองนำคนไข้หนัก ไปกองรวมกัน แค่ยี่สิบ สามสิบคน พร้อมกันในเวลาเดียวกัน เดี๋ยวคนโน้นเรียกที คนนี้เรียกที คนที่ตายอาจไม่ใช่คนไข้ แต่เป็นตัวหมอเอง ที่เครียด และต้องทำงานหนักไม่มีเวลาพักผ่อนนั่นเอง