วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทำไมพระถ้ำกระบอกไม่ถือศีล

แม่ชีเมี้ยนตรัสอธิบายว่า "ศีล" เป็นของใหญ่ เป็นของหนัก ดังนั้น จึงไม่มีใครทำได้จริง

ไม่ต้อง ๒๒๗ ข้อ หรอก แค่ไม่ฆ่าสัตว์ อย่างเดียว แม้แต่พระพุทธเจ้ายังทรงทำไม่ได้เลย

แม้จะทรงระมัดระวังสักเพียงใด แต่ก็ยังมีสรรพสัตว์ที่เมื่อทรงเดินไป ณ แห่งหนตำบลใด ซ่อนอยู่ใต้ใบไม้บ้าง ที่ไม่สามารถเห็นได้ เมื่อเดินผ่านทรงเหยียบทับ มันก็ตาย

แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า เมื่อสัตว์เหล่านั้นตาย บางตัวก็อโหสิกรรมให้พระพุทธเจ้า แต่บางตัวก็ไม่ยอม ด้วยกรรมอันนี้ ที่สัตว์เหล่านั้นไม่ยอม พระพุทธเจ้าจึงต้องทรงมีอาการปวดเมื่อย อันเนื่องจากกรรมที่สัตว์เหล่านี้ไม่ยอมนั่นเอง เป็นธรรมดา

แม่ชีเมี้ยนได้ตรัสเล่า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเดินมายังประเทศไทย จากอินเดีย ผ่านพม่า เข้ามาทางตอนเหนือของประเทศ และมายังสระบุรี นั่นคือถ้ำกระบอก ซึ่งในยุคนั้นยังเป็นชายทะเล

การเดินทางมา ผ่านวัดคลองเม่า อันเป็นวัดที่แม่ชีเมี้ยนได้บวชเป็นชี ผ่านกอไผ่ ยังต้องทรงถูกหนากไผ่ตำเท้า จนพระโลหิตไหล ก็ทรงนำใบไผ่มาเย็บ และปิดแผล เดินต่อไปยังจุดหมาย ก็ด้วยกรรมอันฆ่าสัตว์โดยไม่เจตนานั้นเอง แลซึ่งสัตว์เหล่านั้นไม่ยอมอโหสิกรรม

แล้วพระพุทธเจ้าทรงใช้อะไรในการตัดกิเลส

แม่ชีเมี้ยนได้ทรงตรัสว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ คือ หลักสัจจะธรรม อันเป็นทางสายกลาง ที่ใช้ในการตัดกิเลสนิสัย

หลวงพ่อนิพนธ์ ได้อรรถาธิบายให้ฟังว่า ความหมายของทางสายกลาง คือ ให้กำหนดการลดละนิสัย จากสิ่งที่เราพอทำได้ทีละน้อยก่อนนั่นเอง

ดังนั้น เมื่อพิจารณานิสัยแล้ว พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นว่า "ตัวโกรธ" เป็นพี่ใหญ่ที่ก่อให้เกิดกรรมอันมหาศาล

พระถ้ำกระบอก จึงมักให้คนที่มาและศรัทธา เริ่มจากสัจจะพื้นฐาน อาทิเช่น
๑ นับถือศาสนาพุทธตลอดชีวิต
๒ไม่ค้า ไม่ขาย ไม่เสพ ไม่ส่งเสริม ยาเสพติดทุกชนิด
๓ ไม่โกรธ วันละหนึ่งชั่วโมง

นั่นคือค่อยๆ แบกน้ำหนัก เมื่อทำได้ ก็เพิ่มน้ำหนักขึ้น เหมือนนักกีฬายกน้ำหนักฝึกนั่นเอง

ดังนั้น สัจจะจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้จริง เมื่อทำได้ ผลที่ทำจึงเกิด ย้อนกลับมาสนองช่วยตน

แล้วสิ่งที่ทำมาจากไหน หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ก็คือนิสัยของพระพุทธเจ้านั่นไง นั่นแหละธรรมคำสอนของท่าน

พระถ้ำกระบอก และ คนที่ศรัทธา จึงมีหน้าที่ดั่งที่แม่ชีเมี้ยนกล่าวเป็นนิสัย นั่นคือ "ต้องโชว์นิสัยพระพุทธเจ้า"

คนทั่วไป จึงมีวันหนึ่งที่มาทำนิสัยพระพุทธเจ้า จะเรียกวันพระก็ได้ เมื่อเข้าเขตมาจึงต้องวางนิสัยตน ความคิดตนไว้ด้านนอกก่อน จะเกลียดกันสักฉันใด เข้ามาในเขตวัด ก็ต้องรักกัน ร่วมกันทำกิจกรรม อันเป็นสัมมาปฏิบัติไว้ช่วยตน ออกนอกเขต จะไปบรรเลงอย่างไร ไม่เกี่ยว

หากแต่อยากพัฒนาตน ก็นำนิสัยพระพุทธเจ้าไปใช้ได้ เช่น ไม่โกรธ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่ว่า ไม่ด่า ใคร เป็นต้น โดยเริ่มจากวันละหนึ่งชั่วโมง เมื่อทำได้จึงค่อยๆ เพิ่มขึ้น

เราจึงเห็นภาพ คุณปรียานุช จากเดิมที่กองถ่ายทุกคนรู้ดีว่า "ด่าเป็นไฟ" กลายมาเป็น "พูดดี" ไม่เคยเลี้ยงใคร เรียกว่า เค็มตัวแม่ ก็กลายมาเป็น ซื้อของมาให้กินแทน

เราจึงเห็น คนชื่อเล็ก สองคน ที่อยู่ด้านนอกฟ้องคดีขึ้นโรงขึ้นศาลยอมความไม่ได้ แต่เมื่อเข้ามาในชมรม ต่างก็เป็นกรรมการชมรม ช่วยเหลือเกื้อกูล กิจกรรมของชมรมเป็นอย่างดี อย่างไม่น่าเชื่อ

สิ่งที่ทำได้นี้เอง หลวงพ่อนิพนธ์ เรียกว่า จะเป็นเส้นเชือกที่เหนียวแน่น ในการดึงรั้งชีวิต

เราจึงไม่แปลกใจ ในคำขอของหญิงสาวท่านนั้น ทำไมทำให้ชีวิตเธอเหนียวแน่น เพราะเมื่อเธอทำตามสัจจะที่ให้ไว้ได้ ฟ้าถล่มดินทลาย เธอก็จะมาทำกิจกรรมทุกสัปดาห์นั่นเอง เมื่อเธอทำได้ ชีวิตของเธอที่กำลังจะผุพัง จึงถูกเชือกที่เหนียวแน่นของเธอเส้นนี้ดึงรั้งเอาไว้

บทสรุปที่หลวงพ่อนิพนธ์สอนให้ฟังเรื่องนี้ นั่นคือ เมื่อเราท่านมีวาสนาได้มาพบกับแม่ชีเมี้ยน ได้ฟังคำสอนได้เห็นว่า ธรรมคำสอนของพระภูมีที่แท้จริงเขาทำกันอย่างไร จึงควรมีอุปาทาน ที่จะนำธรรมคำสอนนั้นมาปฏิบัติเป็นบางข้อ ตามกำลัง เพื่อสร้างเชือกที่เหนียวแน่นดึงรั้งชีวิตตน

หากจะมาหวังพึ่งแต่สมุนไพร ซึ่งเป็นบันไดขั้นแรก เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถส่งให้เราท่านเดินได้อีก เหมือนเด็ก จะให้อุ้มตลอดคงไม่ได้ ถึงเวลาต้องเดินเอง

ธรรมเท่านั้นจึงเป็นสรณะที่ทำให้ชีวิตปลอดภัย พระภูมีจึงทรงบัญญัติธรรมหมวดแรก คือ "หมวดตนพึ่งตน" เพราะไม่มีใครช่วยใครได้ อยากได้ต้องทำเอง

สมุนไพรก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง ส่งให้ท่านได้มีกำลังปฏิบัติธรรม หากเมื่อถึงเวลาแล้ว เราท่านไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใดๆเลย นิสัยยังเหมือนเดิม ไม่เอาธรรมของพระโคดมเลย แม้จักทานสมุนไพรสักฉันใด ก็หาช่วยอะไรได้ไม่

อันเป็นที่มาของสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา นั่นคือ "บาตร" เอาไว้ขอนิสัยกรรม แล้วรับนิสัยธรรมไปทำ เพื่อช่วยตน ที่สำคัญ เงินทอง สิ่งของวัตถุ ใดๆ ใช้ไม่ได้เลย

คนที่มาหวังสมุนไพร จึงมักปรากฎอาการดีในช่วงหนึ่ง เมื่อมาถึงสุดราวของสมุนไพร หากกรรมที่มีมันหนักเกิน สมุนไพรก็คงส่งได้ไม่ตลอด

สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์พูดเหมือนเล่น คือ การไปไหว้แม่ชีเมี้ยน และพระภูมี พร้อมกับถวายนิสัยกรรม แล้วน้อมนำธรรมบางสิ่งบางอย่างมาปฏิบัติ นั่นแหละคือหัวใจของการหายโรค และพัฒนาตน พัฒนาชีวิตให้เหนียวแน่น

คำพูดที่ลอยมา "มาตั้งนานแล้ว กินสมุนไพรก็เยอะแล้ว ทำไมไม่หายสักที ก็ด้วยเหตุ ไม่มีนิสัยใหม่ของพระภูมี และละทิ้งนิสัยเก่าของกรรมนั้นเอง"

ทำสิ่งเดียวกัน ระหว่าง แม่ค้าทั่วไป กับ จิตอาสา ที่ทำให้คนอื่น ผลจึงต่างกัน แม่ค้ากำลังเป็นมะเร็ง แต่จิตอาสากำลังหายมะเร็ง จึงมีให้เห็น

นี่แหละคือผลของการทำตามใคร ผลก็ได้อย่างนั้น ทำตามกิเลสตน ก็ทำเพื่อเอาของคนอื่น ทำตามพระภูมี ก็ทำเพื่อให้คนอื่น

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44