วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บุญและทาน


"ยุ่งฉิบหาย เรื่องมากฉิบหาย ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากก็ไม่รู้"

คำเหล่านี้เราได้ยินบ่อย จนรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไป ซึ่งได้รับความสะดวกสบายจนชิน หรือใช้เงินแลกความสบายมาตลอด ครั้นมาเจอของจริง ที่ต้องใช้ขันติ อดทน จึงเป็นธรรมดา ที่ต้องหลุดคำพูดนี้ออกมา

แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ซื้อเวรซื้อกรรมได้ นั่นคือ "บุญ"

แม่ชีเมี้ยนจึงทรงเล่าเรื่องพระโคดมโปรดญาติโยมให้หลวงพ่อนิพนธ์ฟังว่า

มีตายายคู่หนึ่ง มีนิสัยที่ชอบทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ก็ฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา ครั้นเมื่อพระโคดมเสด็จมาประทับอยู่ใกล้บริเวณบ้าน และทรงเดินมารับบิณฑบาตทุกเช้า สองตายาย ก็ทำกับข้าว เพื่อใส่บาตรพระภูมี โดยผลักกันมาทำ

ทุกเช้า เสียงตายายทะเลาะกัน จึงมักปรากฎให้พระโคดมได้ยิน จนกระทั่งเห็นพระ สองตายายจึงเลิกทะเลาะ แล้วจึงทะเลาะกันต่อ หลังจากพระคล้อยหลังไป

พระโคดมใคร่ที่จะโปรดตายายทั้งสอง วันหนึ่งเมื่อยายใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว จึงตรัสว่า สิ่งที่โยมยายทำอยู่ คือการใส่บาตร นั้น เป็นแต่เพียง "ทาน" ด้วยเหตุที่ว่า วัตถุที่ใส่มาให้นั้น จะยังประโยชน์ก็แต่ชั่วครู่ชั่วยาม ไม่จีรัง ยั่งยืน เพราะเมื่อถึงเช้าวันพรุ่ง ความหิวก็มาอีก คุณค่าของวัตถุนั้นก็หมดไป

"ทาน" จึงไม่ใช่แก่นสาร ที่จะอยู่กับเราตลอดไป ควรที่โยมยายจะสร้าง "บุญ" นั่นคือ นำนิสัยที่ไม่ดี มาใส่บาตรด้วย บุญนี้แหละเป็นแก่นสาร สามารถติดวิญญาณไปทุกภพทุกชาติ เป็นของจีรังยั่งยืน

ครั้นวันต่อมา ฝ่ายตาก็ได้มาเป็นผู้ใส่บาตรบ้าง พระโคดมก็ทรงโปรดเช่นกัน

นับจากวันที่สามของการบิณฑบาตร พระโคดมก็ไม่ได้ยินเสียงตายายคู่นั้น ทะเลาะกันอีกเลย

หลวงพ่อนิพนธ์ สรุปและชี้ให้เห็นว่า ไม่มีวัตถุใดในโลกซื้อเวรซื้อกรรมได้ นอกจาก "เงินบุญ" อันเป็นผลจากการเปลี่ยนนิสัย มาใช้นิสัยของพระภูมีนั่นเอง

และโรคที่ปรากฎ พระภูมีทรงตรัสว่า "มีเหตุแต่กรรม" ดังนั้น การทานสมุนไพร จึงเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ หากแต่ต้นเหตุแห่งการสร้างกรรมยังอยู่นั่นคือนิสัย แม้นจะแก้โรคได้ กรรมที่ยังสร้างอยู่ ก็ทำให้เกิดวงจร "หนีเสือปะจรเข้" ไม่ตายด้วยโรค ก็อาจตายด้วยอุบัติเหตุ ผลที่ได้ก็ไม่เกิด เพราะตายเหมือนกัน

จึงเป็นความจำเป็นต้องสอน แล้วชี้ให้เห็นผลแห่งบุญ และบังคับให้ทำ

ใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง พูดอย่างไรก็ช่าง ไม่พอใจสักฉันใด ก็ต้องนั่งฟัง นั่งสวดมนต์ หากจะใช้แนวทางนี้

และเมื่ออดรน ทนไม่ไหว รับไม่ได้ ก็ไม่ควรฝืน เพราะในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ได้ประโยชน์ ก็ควรเปลี่ยนไปแนวทางที่ชอบจะดีกว่า เพราะผลท้ายที่สุด ก็เดาได้ว่า "ไม่มีทางสำเร็จได้อย่างแน่นอน"

เมื่อไม่มีนิสัยพระภูมี ก็หมายถึง "ไม่ให้สุขผู้อื่น" แล้วสุขนั้นจะย้อนมาหาตนได้โดยวิธีใด

ความรู้ของศาสนา ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เริ่มจากสมุนไพร และจบที่พฤติกรรม คือ "ทำบุญทำทาน" นั่นแหละวิธีรักษาโรคที่เบ็ดเสร็จ ไม่ว่าโรค ที่โลกเขาว่าร้ายสักเพียงใด ก็ไม่น่ากลัว

กลัวแต่ "โรคนิสัยที่ไม่ยอมเปลี่ยน" นี่สิน่ากลัว แม้แต่พระพุทธเจ้า ยังต้องอุเบกขา เพราะมันเป็นคนส่วนใหญ่เสียด้วยซิ

ใครจะอวดอ้าง ลูกศิษย์ลูกหา มีเป็นแสนเป็นล้าน ก็ว่าไป แต่พระภูมีกล่าวว่า เรื่องของศาสนาพุทธ เป็นเรื่องของคนกลุ่มน้อย ที่เอาเหตุเอาผล เชื่อแล้วทำตาม

ก็พระโคดมได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าที่ทรงมีปัญญาเลิศ ยังได้สาวกไม่ถึงแสนเลย ....

"วัตถุมีไว้ทำทาน นิสัยมีไว้สร้างบุญ" นี่แหละบุญของพระพุทธเจ้าจึงเป็นสายกลาง ใครก็ทำได้

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44