ได้ยินเรื่องเล่าทำนองนี้จากคนไข้หลายท่าน แต่ก็ไม่คิดจะเขียน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของบุคคล
หากแต่ก็หวนคิดว่า มันอาจจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย หรืออาจจะเป็นการสะกิดสักนิด จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ
คนไข้เหล่านี้ มักจะเป็นคนไข้ที่ผ่านการทานสมุนไพรมาได้ระยะเวลานานพอควร หลายคนก็เรียกได้ว่า อาการดีขึ้นจนเกือบปกติ หลายคนก็เรียกได้ว่ากลับมาแข็งแรง หายโรค
แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ผ่านมาเหมือนกัน แล้วเล่าให้ฟังนั่นคือ อาการของพวกเขาก่อนที่จะมา นั่นคือผ่านการรักษาด้วยแผนปัจจุบัน และวิธีอื่น มามากหลาย จนได้รับวาจาอมตะ และกำหนดวันเวลาในการมีชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น
ด้วยวาจานั้นเอง คนเหล่านี้มักจะเป็นคนที่เรียกว่า มีสมบัติ เมื่อได้รับวาจาอมตะนั้น ก็มักจะคิดว่า ในเมื่อตัวเองนั้นมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ก็คิดจะยกสมบัติที่่มีของตน ให้แก่ญาติพี่น้อง ให้แล้วเสร็จ เมื่อตนตายไปจะได้ไม่ต้องห่วง
หลังจากโอนสมบัติให้จนหมดสิ้น ก็มารักษาตัวที่ชมรมคนรักสุขภาพ ส่วนใหญ่จะกะไว้ว่า ตายไม่ว่า แต่อย่าให้ทรมานเท่านั้นก็พอ
หากแต่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวเสมอ เมื่อทำถูก และยังไม่ถึงพรหมลิขิต ร่างกายก็จะสามารถฟื้นฟูตนกลับมาได้
เมื่อผ่านวัน ผ่านเดือน ผ่านปี เลยกำหนดเวลาของวาจาอมตะมาก็นาน ไม่ตายสักที กลับแข็งแรงดีวันดีคืน
เอาละซี ... ทีนี้เห็นสภาพตนแล้วคงจะต้องมีชีวิตอยู่อีกนาน แล้วทำไงละทีนี้ สมบัติยกให้เขาหมดแล้ว
รายล่าสุด เป็นหญิงที่เรียกว่ามีฐานะ เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทานสมุนไพรผ่านไปเป็นปี ก็ไม่มีวี่แววเลยว่าจะตาย แข็งแรง จนไปตรวจ ก็ไม่พบค่ามะเร็ง เธอจึงคิดว่า เธอไปขอสมบัติคืน จากพี่ๆน้องๆ คืนกลับมาสักหน่อย ไว้เลี้ยงตน คงจะได้
คำตอบที่เธอได้กลับมา คือ ไม่มีพี่น้องคนใด ให้สมบัติที่เธอมอบให้ไปกลับมาสักคนเลย
บทความนี้ เขียนขึ้นเพียงเพื่อให้เป็นข้อคิด ไม่ได้มุ่งหวังกล่าวร้ายผู้ใด โดยเฉพาะผู้ป่วยหนักที่มา ผู้ซึ่งคาดว่าชีวิตตนไม่รอดแน่ ... แต่ถ้ามันรอด ... เพื่อที่จะดำรงตนอยู่ได้เท่านั้นเอง อย่าให้เป็นเหมือนหลายท่านที่มาปรารภให้ฟังเลย