หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้เห็นเสมอว่า ผลสำเร็จในการใช้หลักตนพึ่งตน ปัจจัยที่ชี้ขาด นั่นคือ ตัวของเราท่านนั่นเอง
การจะเอื้อนเอ่ย เห็นคนที่ประสพผลสำเร็จ เมื่อเราท่านมา ก็จะเอาผลสำเร็จ โดยไม่ได้ดูรายละเอียดเลย มุ่งแต่ทานสมุนไพร วันหนึ่งเมื่อไม่ประสพผล ก็จักตีโพยตีพาย โทษโน่น โทษนี่
ตัวอย่างที่เด่นชัด ที่หลวงพ่อนิพนธ์อยากจะให้เป็นกรณีที่จะใช้ในการพิจารณา ก็ดูจากคนไข้หญิงที่มาจากอเมริกานั่นเอง
อาการของเธออยู่ระยะสุดท้าย หมอกล่าวคำอมตะ เธอใช้เวลา ๔ เดือน ในการกู้ชีวิต และผลสำเร็จบังเกิด จากการตรวจร่างกายครั้งล่าสุด ไม่ปรากฎค่ามะเร็งแต่อย่างใด
ในขณะที่ผลัดเปลี่ยน เป็นสามีเธอมา ในอาการของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก อาการยังไม่วิกฤต มีวันและเวลาเหมือนกัน
คนสองคน มาจากที่เดียวกัน มีวันเวลาเท่ากัน หากแต่สิ่งที่ต่างกัน นั่นคือ พฤติกรรมการกระทำ ศรัทธา ความเชื่อมั่น แล้วทำตาม
วันเวลา ๔ เดือน ต่อจากนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ชี้ให้เห็นว่า ใครทำ ใครได้ ภรรยาที่อาการดูสาหัส แต่หาย ก็ไม่ได้หมายความว่า สามี ที่อาการดูเบากว่ากัน ยังไม่อยู่ในระยะอันตราย จะต้องหายด้วย
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวเคล็ดอันหนึ่ง ที่แม่ชีเมี้ยนทรงตรัส ในการประสพผลสำเร็จของการทานสมุนไพร เพื่อฟื้นฟูตนให้หายโรค นั่นก็คือ คำพรและคำสาป ที่กล่าวว่า สำหรับผู้ทำ ยิ่งให้ยิ่งเจริญ ยิ่งขายยิ่งฉิบหาย
เมือ่แปลกลับมาเป็นสำหรับผู้ทานแล้วไซร้ ก็ได้ใจความว่า ยิ่งทำดี ยิ่งหายวันหายคืน ยิ่งทำชั่ว ยิ่งเลววัน เลวคืน นั่นเอง
อรรถาธิบายเพิ่มเติมว่า คนที่จะประสพความสำเร็จ จึงต้องเปลี่ยนพฤติกรรมกลายเป็นคนดี ในสายตาของฟ้าดิน คนชั่วที่แฝงมา ทานสักเท่าไร ก็ไม่มีวันประสพผล เพราะฟ้าดิน ไม่มีทางให้กำลังคนชั่ว เพื่อไปทำชั่วต่อเป็นแน่แท้
การเรียนรู้ว่า พฤติกรรมเช่นไร จึงเรียกว่า ทำความดี หรือเป็นบุญ ตามคำสอนของพระภูมี ที่ฟ้าดินยอมรับ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ....
การฟังหลวงพ่อนิพนธ์จึงมีความหมาย ... เพราะเราท่านทุกคนมักจะอ้างเอ่ยเสมอว่า เคยทำความดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่... สิ่งที่ทำแท้จริงแล้วเป็นลม หาใช่ความดีตามรอยพระภูมีไม่ ผลที่ได้ จึงเป็นลม ไม่เป็นบุญกลับมาช่วยตนเลย