เมื่อเราท่านถูกบังคับให้มานั่งสวดมนต์ นั่งฟัง นั่นคือ เริ่มพื้นฐานกรรมฐาน เพื่อสร้างพลังจิต สร้างสติ ควบคุม กาย วาจา ใจ ให้สงบ เป็นรอยธรรม สวนกับรอยกรรม หรือ ที่หลวงพ่อนิพนธ์ใช้ว่า นิสัยบุญ เพื่อเป็นบุญช่วยตน หรือ ใช้ล้างกรรมที่ทำมา
จึงไม่แปลกเลยว่า เมื่อคนส่วนใหญ่ ไม่เน้นให้ความสำคัญในการมีสติ ให้เกิดพลังจิต มาช่วยตน การทานสมุนไพรของคนส่วนใหญ่จึงไม่ประสพผล หรือเมื่อทำไม่เต็มที่ ผลที่ได้ก็ล่าช้า
หากแต่ในทางกลับกัน คนที่เรียนรู้แล้วเข้าใจ ในห้องสวดมนต์ ก็จะรู้ว่า หนทางบุญนั้นทำอย่างไร และเมื่อทำต้องมีมารผจญ และก็ได้รู้ว่า บุญของพระภูมี ทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกับพระ หรือที่วัด
คนเหล่านั้นอยากมีรายได้บุญเพิ่มขึ้น ก็จะนำสิ่งที่ฝึกจากห้องสวดมนต์ ไปสร้างรายได้บุญ ตามที่หลวงพ่อนิพนธ์สอน นั่นคือ การทำนิสัยไม่โกรธ เริ่มจากวันละหนึ่งชั่วโมง
ใครว่า การสวดมนต์และฟัง เป็นเรื่องหน้าเบื่อ แต่เรากลับเห็นว่า ยิ่งฝึกมาก สติยิ่งโต ยิ่งมาเร็ว ยิ่งสงบเร็ว ผลก็คือ นิสัยบาปที่ปรากฎและทำร้ายเราท่าน ยิ่งลดทอนอำนาจ ดูไปเหมือนเสียสติ เพราะยิ่งเจ็บ ยิ่งปวด กลับยิ่งยิ้ม และสงบ เพราะรู้ว่า ผ่านประตูนรกนี้วันใด ก็จะถึงประตูสวรรค์แล้วนั่นเอง
อยากรู้ว่า กรรมฐานของเราเป็นเช่นใด ก็ดูกิเลสที่มาแหย่ให้กรรมฐานแตก และออกจากความสงบนั้นแล
หากกรรมฐานยังอ่อนอยู่ หรือ ยังไม่รู้เลย กลับนำกิเลสพกมายั่วเย้าให้กรรมฐานแตกเสียมากมาย ไม่ว่า โทรศัพท์ หนังสือ คนที่ชอบพอกันนั่งใกล้กัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มาทำไม ... เสียเวลาเปล่า เพราะเมื่อทำไม่ได้ หรือ ไม่ทำ แรงที่ลงไปก็เสียเปล่า