ย้อนอดีตถ้ำกระบอก หลวงพ่อนิพนธ์เล่าให้ฟังหลายครั้ง เพื่อเตือนสติ นั่นคือ การใช้ของของบุคคลที่นำมา ไม่ว่าสมุนไพร เครื่องมือ เครื่องใช้ ให้มีค่าที่สุด
ตัวอย่างในครั้งนั้นที่ถูกหยิบยกมาบ่อยครั้งที่สุด ก็คือ การที่มีผู้นำข้าวสารมาถวาย ๕ กระสอบ มาต้้งไว้ในโรงทาน แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสว่า พระรูปใดคิดว่าจักทำให้เจ้าของข้าวประสพผลดังใจหวัง ก็รับไปทาน
พระจึงถามว่า เจ้าของประสงค์สิ่งใด แม่ชีเมี้ยนตรัสตอบว่า เขาประสงค์ที่จะถูกรางวัลที่ ๑
ข้าวสาร ๕ กระสอบนั้น จึงไม่มีพระรูปใดนำไปทานเลย และต้องคืนเจ้าของไป
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นเสมอว่า วัตถุสิ่งของที่มีอยู่หาใช่ของเรา หากแต่ด้วยความเชื่อ ความศรัทธา ความหวัง เจ้าของจึงนำมา และก็มักจะมาพร้อมความประสงค์ ความตั้งใจ จึงต้องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด ท่านเป็นผู้มีปัญญา อาสามาเป็นผู้นำ จึงรับเป็นผู้บริหาร คนที่มาร่วมก็ต้องรักษา และทำให้สมเจตนาของผู้นำมา
เมื่อทุกสิ่งมีพงศาวดาร มีความปรารถนาเจือปนอยู่ด้วย ซึ่งล้วนผูกพันกับชีวิต ความทุกข์ในโรคที่เป็นอยู่ นั่นหมายความว่า ข้าวแกงทุกจาน น้ำทุกแพ็ค ขนมปังทุกถุง และสิ่งอื่นๆ ล้วนผูกพันกับชีวิต มีความหมายทั้งสิ้น
เงินที่ได้มาจากกำไรเหล่านี้ จึงต้องถูกใช้ให้คุ้มค่าที่สุด เกิดประโยชน์สุขแก่มนุษย์มากที่สุด เพื่อให้สุขนั้นย้อนกลับไปหาเจ้าของเงินนั้นๆ จึงเป็นคำสอนที่หลวงพ่อนิพนธ์เน้นเสมอ
เราจึงไม่แปลกใจ ว่าหลวงพ่อนิพนธ์จึงต้องใช้สติปัญญาให้ของเหล่านั้นใช้ได้นานที่สุด คุ้มที่สุด เน้นการประหยัด
ทุกๆ วัน หลวงพ่อนิพนธ์จึงต้องตรวจตราการใช้จ่ายสิ่งเหล่านี้ และมองเสมอ ถามเสมอ ปิดไฟยัง ปิดแอร์ ปิดน้ำ ดูช้อนที่ตก ชามจานที่วางทิ้ง ให้เก็บกลับมา
การทำสิ่งนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวท่าน หากแต่เพื่อเจ้าของเงิน ที่เรียกว่าเป็นผู้มีน้ำใจ มาทานข้าวแกง มาซ์้อของ ได้ผลบุญกลับไปเลี้ยงตนนั่นเอง
คนที่กินข้าวแกงจะได้อะไรเล่า หากเงินกำไรที่ได้มา กลายเป็นค่าไฟที่เปิดพัดลมทิ้งไว้ โดยไม่มีคนนั่งสักคน เปิดแอร์ไว้ แต่ไม่มีคนได้รับสุขจากความเย็นนั้นเลย เปิดไฟไว้ แต่ไม่มีคนใช้ไฟนั้นเลย เพราะฟ้ามันสว่าง
เราจึงเห็นว่า คนทั่วไปมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ของตน จึงไม่ช่วยกันรักษา ทั้งที่จริงๆแล้ว ผลประโยชน์ไม่ใช่ของหลวงพ่อนิพนธ์ หากแต่เป็นตัวเราท่านเองต่างหาก
พงศาวดาร ที่คนเป็นโรคไตวาย แล้วหายโรค จะเกิดได้อย่างไร ถ้าไม่มีกระป๋อง ไม่มีช้อน
ก็กระป๋องใส่สมุนไพรมะพร้าว และช้อนมาได้อย่างไร ก็เงินจากข้าวแกง ... นั่นเอง
ใครที่คิดว่า ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชมรม เป็นของหลวงพ่อนิพนธ์ คิดผิดแล้ว ท่านอยู่ในสถานะผู้บริหารเท่านั้นเอง ความจริงแล้ว เป็นของเราท่านนั้นเอง ที่อยากทำตนเป็นพระเวสสันดร รวมตัวกันทำให้เกิด
ก็แล้วความสูญเปล่า ที่เกิด โดยเราท่านไม่เหลียวแล นั่นก็หมายถึง ความสูญเปล่าของเราท่านที่เสียไปนั่นเอง จะรอบุญสักฉันใดก็รอเก้อ เพราะมันไม่เกิดประโยชน์ให้สุขแก่ผู้ใดเลย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนเสมอว่า ทุกสรรพสิ่งในที่นี้ จึงหมายถึงชีวิต
รักษาของนั่นหมายถึงรักษาชีวิต ปิดไฟดวงหนึ่ง แล้วเก็บเงินกลายเป็นพริกไทยสิบเม็ด ความหมายมันมหาศาล เพราะหมายถึงชีวิตหนึ่งที่จะรอด และก็ราคาชีวิตก็สูงกว่าสิ่งใดๆ ในโลก
คำสอนที่ดูเล็กน้อย ใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ หากแต่พฤติกรรมเล็กน้อยในการรักษาของ ไม่นิ่งดูดาย มันคือสายใยชีวิต ... คนที่มีนิสัยเยี่ยงนี้ โรคมันกลัว เพราะมีน้ำใจ มีคุณธรรม คิดถึงผู้อื่น จะตายได้ไง