ด้วยเหตุแห่งองค์ความรู้ จะทำให้สามารถใช้เหตุและผล เพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมหมวดสมุนไพร ได้เตรียมจิตเตรียมใจ เหมือนรู้เขา รู้เรา ว่าอะไรจะต้องเกิด และเมื่อเกิดแล้วควรจะทำอย่างไร อันจะทำให้มีกำลังใจ มีขันติอดทน จนชนะได้
ศาสน์แห่งมนุษย์ ในปีนี้ จึงจะเริ่มถูกทยอยถ่ายทอด มาให้เราท่านได้ฟังเรื่อยมากขึ้น
ศาสน์ประการหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้เห็นว่า ทำไมโลกนี้จึงไม่มียารักษาโรค และทำไม สมุนไพรสูตรเดียวกัน มาจากอาจารย์คนเดียวกัน พูดให้ชัด จิตอาสาหลายคนที่มาช่วยแล้วแอบเอาไปทำขาย มันจึงไม่ได้ผล
แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสสอนว่า ประการแรก ธรรมชาติของมนุษย์ ถูกบังคับด้วยการย่อย เมื่อสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เช่นอาหาร และสมุนไพร ตกไปถึงกระเพาะ จะมีกระบวนการอย่างหนึ่ง นั่นคือ ร่างกายจะหลั่งน้ำกลั่นบริสุทธิ์ มาคลุกเคล้า แล้วย่อย
ในกระบวนการย่อยนี้เอง จะเกิดกระบวนการตีตราในสารที่ร่างกายย่อยได้ ว่าจะส่งไปในที่ใด เปรียบเสมือนจดหมายจ่าหน้าซอง พร้อมกับเข้ารหัส หรือ แม่กุญแจ ในสารนั้นๆ
กระบวนการนี้ มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบเมื่อมี ค.ศ.๑๙๙๙ และได้รับรางวัลโนเบลไป ในขณะที่แม่ชีเมี้ยนทรงสอนหลวงพ่อนิพนธ์ตั้งแต่เมื่อครั้งถ้ำกระบอก
จากกระบวนการนี้ จะเห็นได้ว่า การทานอาหารเสริม วิตามินเสริม หรือสารเคมี สารที่ได้จะไม่ผ่านกระบวนการนี้ ทำให้แม้นมีสารที่ร่างกายต้องการ แต่ก็ไม่สามารถไปถึงจุดหมายได้นั่นเอง กลายเป็นสารตกค้างในร่างกาย ไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่
ที่สำคัญกว่า และเป็นเคล็ดที่แม่ชีเมี้ยนทรงสอนหลวงพ่อนิพนธ์ นั่นคือ ตัวกำหนดว่า อาหารหรือสมุนไพรที่ทานเข้าไป จะเป็นคุณหรือโทษแก่ร่างกาย ถูกกำหนดด้วยสิ่งที่แม่ชีเมี้ยนทรงเรียกว่า เขี้ยวของบุญบาป ในปาก
เมื่ออาหารผ่านปากเข้าไป เขี้ยวทั้งสองนี้จะทำหน้าที่ เพื่อให้ผลที่เกิดเป็นไปตามนั้น
นักวิทยาศาสตร์ไม่มีความรู้เรื่องนี้ ในขณะที่พระพุทธเจ้าทรงทราบว่า วิธีที่จะทำให้เขี้ยวบุญทำงาน นั่นก็คือ "การทำให้" นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ แม้นจักอาหารหม้อเดียวกัน สมุนไพรหม้อเดียวกัน ให้คนสองคนทาน ผลก็ไม่เหมือนกัน
และแม้นจักสูตรสมุนไพรเดียวกัน อาจารย์คนเดียวกัน แต่ทำให้ กับทำขาย ผลก็ต่างกัน ด้วยเหตุแห่งเขี้ยวนี้เอง
ความแตกต่างในการให้คุณให้โทษ ระหว่างวิชาการ ที่กล่าวว่า ต้องทำให้สุก ต้องรักษาความสะอาด ต้อง..... จึงจะป้องกันเชื้อได้ หากแต่พระภูมีทรงแสดงให้เห็นว่า หาใช่ไม่ ด้วยการทาน "น้ำรอยตีนควาย" แทนคนโฑทอง
ด้วยเขี้ยวแห่งบุญบาปนี้เอง จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมคนเก็บของจากถังขยะกิน จึงไม่เป็นโรค ในขณะที่คนอนามัยจัด กลับเป็นโรค
และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมยาเคมี จึงรักษาโรคไม่ได้ ก็มันมีรากเหง้ามาจากความโลภ นั่นเอง
ยาเคมี จึงต้องเสกสรรภาพ ให้ผู้บอก ผู้สั่ง มีภาพพจน์ที่ดี มีดีกรี มีสถานะทางสังคมสูง น่าเชื่อถือ แต่บทพิสูจน์ก็เห็นชัดว่า เป็นได้แค่ "ยาระงับ" ไม่ใช่ "ยารักษา" ยิ่งกินก็ยิ่งต้องเพิ่มปริมาณ และท้ายที่สุด ก็สู้อาการไม่ไหว
ไม่เคยมีใครถามหมอ หรือนักวิชาการเลยว่า ทำไมคนไข้ตายด้วยการติดเชื้อในกระแสโลหิต ทั้งที่ฉีดยาฆ่าเชื้อ ดูรายล่าสุด ก็นักร้องลูกทุ่งคนดัง ....
ในปีนี้ เราท่านก็จะได้ยิน วิชาการแพทย์นอกตำรา มากขึ้น อันจะเป็นองค์ความรู้ ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมจึงเรียกหลักของพระภูมี ว่า หลักปราชญ์
เมื่อเป็นผู้รู้ ก็จักไม่ถูกหลอกอีก เสียทั้งเงินทอง ที่สำคัญ อาจเสียถึงชีวิต