วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

ตรรกะง่ายๆ ที่ใช้ช่วยตน

องค์ประกอบในการสร้างกรรม และบุญ มีในทุกคน เท่าเทียมกัน

อันจะเห็นว่า ไม่ว่ายาจก หรือเศรษฐี ก็สร้างกรรมได้

ดังนั้น พระภูมี จึงแสดงให้เห็นว่า หากจะสร้างบุญ อย่ามองไกล ให้มองที่ตน จนมีคำสอนว่า "จับตน ค้นตน แล้วจะพ้นทุกข์"

ดังนั้น อุปกรณ์การสร้างกรรม และบุญ จึงไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาวัตถุ หากแต่เกิดจากสิ่งเดียวกัน นั่นคือ "นิสัย"

แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่ายาจก หรือ เศรษฐี จึงมีสถานะเท่าเทียมกัน ในการสร้างบุญ เพราะไม่ได้ขึ้นกับวัตถุสิ่งของที่มีนั่นเอง มีสิทธิ์หายโรคได้เท่าเทียมกัน

เมื่อแม่ชีเมี้ยนนำสูตรสมุนไพรมา จึงได้นำธรรมคำสอนมาให้สร้างบุญด้วย ในอดีตถ้ำกระบอก ผู้ที่มาพึ่งแนวทางนี้ จึงถูกสอน ให้เปลี่ยนนิสัยกรรม มาใช้นิสัยธรรมนำตน บ้าง ชั่วครู่ชั่วยาม เพื่อสร้างบุญไว้เลี้ยงตน และเพื่อแก้กรรมที่ทำมา

จึงเป็นที่มาของคำขวัญ "สมุนไพรล้างโรค บุญล้างบาป"

มาวันนี้ เพื่อผลแห่งการช่วยตนให้รอด แนวทางทั้งคุ่จึงถูกเน้นให้มากยิ่งขึ้น เริ่มจากสมุนไพรที่ได้ปริมาณมากขึ้น ประกอบกับ การให้ลองทำนิสัยธรรม บางสิ่งบางอย่าง ชั่วครู่ชั่วยาม

อยากหายโรค จึงไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ใช่ทำไม่ได้ หากแต่ผลสำเร็จ มันขึ้นกับ ใครทำ ใครได้

หากแต่สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ บอกเล่าให้เราท่านทราบ นั่นคือ สิทธิ์ในการทำ เป็นเอกสิทธิ์ ไม่ได้มีทั่วไป

อันหมายความว่า สิทธิที่ได้รับจากแม่ชีเมี้ยน ที่ดึงกลับมาจากท่านจรูญ อยู่บนแผ่นดินนี้ การกระทำอย่างเดียวกัน ที่นี้ กับที่อื่น จึงให้ผลแตกต่างกัน ทำผิด ก็ผิดหนักกว่า ทำถูก ก็ให้ผลมหาศาล

การมาจึงมีความสำคัญ เพราะสถานที่นี้ คือเขตที่กำหนด เหมือนเขตพัทสีมา จะไปทำแบบเดียวกันที่อื่น หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า ท่านไม่รับผิดชอบ ผู้ที่ไม่มา จึงแสดงตนว่าไม่ให้ความสำคัญ ในกิจกรรมช่วยตน

บทสรุปหลวงพ่อนิพนธ์ จึงยืนยัน และกล่าวว่า ใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ หากเชื่อก็ทำตาม แล้วดูผล ข้อยืนยันในเอกสิทธิ์ ก็คือ การล่มสลายของถ้ำกระบอก และพระที่แตกสำนักออกไป ทั้ง ๗ นั่นเอง

วันนี้ คนทานสมุนไพร ต้องทำตนเหมือนหลบๆซ่อนๆ เพราะคนส่วนใหญ่ เขาทานยาเคมี แต่วันหนึ่ง คนที่หลบซ่อน คือคนทานยาเคมี ผู้ซึ่งจะออกจากบ้านไม่ได้ เพราะมีโรค คนทานสมุนไพรและทำตามพระภูมี ต่างหาก ที่จะเดินไปในที่ใดก็ได้ เพราะไม่มีโรค นั่นเป็นที่มาของคำ "ผู้ดีเดินตรอก ขี้คลอกเดินถนน"

ฝรั่งมังค่า ไม่มีการสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ก็หาบุญได้ เพราะไม่ว่าชาติไหน เผ่าไหน มีเหมือนกัน คือ นิสัย เมื่อทำตามพระภูมีได้ ย่อมช่วยตนได้ ทั้งหมด ทั้งปวง

เจดีย์ของพุทธศาสนา จึงแสดงสัญญลักษณ์ ว่าทุกคนต้องมีส่วนของตน ทำตนเป็นเม็ดทราย แล้วมารวมกัน ก่อเป็นเจดีย์ วัตถุไม่ต้องทำมาก หากแต่นิสัย ยิ่งทำมาก ยิ่งดี

ผลในการช่วยตน คำตอบจึงอยู่ที่ตัวของเราท่านนั่นเอง ... ที่จะช่วยหรือไม่ อาศัยเครื่องมือหนึ่งเดียว คือ "นิสัย"

พุทธประวัติ ในการหลุดพ้น ยุคพระโคดม หน้าที่ของพระอัครสาวก ทั้งเบื้องซ้าย และเบื้องขวา คือ พระโมคคัลลา และสารีบุตร นั่นคือ ชี้ให้เห็นว่า หนทางหลุดพ้น ... ล้วนมีรากฐานมาจาก "ใจ" จึงมีหน้าที่ชี้แนะให้แก่ผู้ที่จะมาพบพระพุทธเจ้า ว่า หากปราศจากสิ่งนี้แล้ว การกระทำก็ไร้ผล ไม่มีทางประสพผลได้ ให้กลับไป เมื่อพร้อมก็มา ... หลวงพ่อนิพนธ์ จึงสรุปให้ฟังว่า ด้วยเหตุและผล เมื่อฟังแล้วพิจารณา การมา จึงต้องเริ่มต้นที่ "ใจ" เช่นเดียวกัน มิฉะนั้นก็จะขาดเสียซึ่งศรัทธา ตามมาด้วย การปฏิบัติ การมาทานสมุนไพรเพื่อช่วยตน ก็ไร้ผล เสียเวลาเปล่า

เมื่อมนุษย์มีกรรมเป็นอำนาจ ดลบันดาลให้ทุกข์ให้สุข ก็แล้ว สิ่งที่ทำ หรือยาเคมี พิธีกรรมต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น มีอำนาจอะไรที่จะมาแก้ ... นี่คือ คำตอบที่ว่า โลกนี้ไม่มียารักษาโรค และไม่มีเส้นทางอื่น หรือพิธีกรรมอื่นใด ที่จะมาช่วยให้หายโรคได้ นอกจากธรรมของพระภูมี

ใครไม่มีใจกับที่นี่ อย่ามาเลย เสียเวลาเปล่า ...

สิ่งที่จะช่วยมนุษย์ ต้องมีมาตรฐาน ใช้ได้กับชนทุกชาติ ทุกภาษา ... มนุษย์ผู้ใดทำได้ ผู้นั้นก็ย่อมได้รับผล

ไม่แปลกที่จะเห็น หมอเป็น หมอก็ตาย พระเป็นพระก็ตาย เจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้าลัทธิเป็น ก็ตาย ... คนผลิตยายังตายเลย

หลักปราชญ์ของพระภูมี จึงสอนให้พึ่งตน อยากช่วยตน อย่าไปพึ่งคนอื่น (เฉพาะเรื่องของชีวิต)

คำแนะนำสุดท้ายของหลวงพ่อนิพนธ์ จึงเป็นตรรกะง่ายๆว่า อยากหายโรค อย่ามองที่ตัวของตน ให้มองที่คนอื่น แล้วบังคับนิสัยตน ไปสร้างสุขให้ผู้อื่น ... โรคอะไรก็ไม่เหลือ


ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44