วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

ต้นทุนบุญ

ปีใหม่ เทศกาล ผู้คนแห่แหนกับไปทำบุญ ปิดทอง ฝังลูกนิมิต สร้างศาลา สร้างโบสถ์ ... ก็ตามแต่ความชอบของใคร

หากแต่หลวงพ่อนิพนธ์สอนว่า สิ่งเหล่านั้นไม่มีในพุทธดำรัส ไม่ใช่บุญของพระพุทธเจ้า สิ่งที่พิสูจน์ก็คือ เมื่อทำแล้วจึงไม่มีผลดีอันใดกับชีวิต เป็นโรคอย่างไรก็คงอยู่

ก็แล้วบุญของพระภูมีเป็นเช่นไร หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายให้ฟังว่า ก็ดูจากพุทธประวัติ

เมื่อพระโคดมต้องการสร้างบุญ สิ่งที่ทำ คือ ทิ้งเวียง ทิ้งวัง ทิ้งทุกอย่าง มาเดินกลางดิน กินกลางทราย

สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ แล้วเหลืออะไรเป็น ต้นทุนในการสร้างบุญ

หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า ต้นทุนที่พระโคดม ทำให้เห็นและใช้ในการสร้างบุญ คือสิ่งที่ทุกคนมี เท่าเทียมกัน นั่นคือ ตัวตนของเรา และนิสัย หรือกิเลสที่ตนมีนั่นเอง

คำอรรถาธิบายเพิ่มเติม คือ บุญของพระภูมี จึงเกิดจากลดนิสัย คือ กิเลสของตนลง ด้วยอุปกรณ์ที่สำคัญ นั่นคือ ทำด้วยตนเอง

ดังนั้นธรรมหมวดแรกที่พระโคดมทรงสอนสาวก คือ "ธรรมหมวด ตนพึ่งตน" อันเป็นแก่นของศาสนา ที่ยืนยันว่า ศาสนาของท่าน เป็นศาสนาทำ ไม่ใช่ศาสนาขอ ผู้ใดมาขอพรไม่มีให้ อยากได้มีคำสอนให้ไปทำเอง .... อันหมายความว่า "ใครทำ ใครได้"

เมื่อพราหมณ์เอาไปแยกแร่แปรธาตุ เป็นพระไตรปิฏก หรือ พวกที่เอาศาสนาไปหากิน จึงไม่มีที่ใดเลยที่จะกล่าวถึงธรรมหมวดนี้ เพราะเมื่อกล่าวไป ทำให้หากินไม่ได้นั่นเอง

การแปลงสาร จากธรรมหมวดตน ที่มุ่งเน้นให้สงฆ์สาวก มุ่งเน้นที่ทำตนเพื่อเป็นปูชนียบุคคล ให้ผู้นับถือได้กราบไหว้ จึงกลายเป็น การหากิน ด้วยการสร้างปูชนียสถาน ให้ผู้คนกราบไหว้

เรียกว่า แปลงสารจาก "ศาสนาทำ เป็น ศาสนาขอ" นั่นเอง

จึงไม่แปลกใจเลยว่า ในขณะที่อินเดีย ต้นศาสนาในยุคพระโคดม หาปูชนียสถานไม่ได้เลย แต่ในประเทศที่อ้างตนว่า ศาสนาพุทธรุ่งเรืองในปัจจุบัน เต็มไปด้วยปูชนียสถาน แต่หาปูชนียบุคคล ที่สอนให้พึ่งตนของตน ไม่ได้เลย

คำสอนที่อยากหาบุญ "อย่าเลยนะมนุษย์" จึงถูกกลบฝังสิ้น กลายเป็นไปเข้าวัด กลับมาตีกัน เพราะมีของดี ผัวก็ยังด่าเมีย เมียก็ยังด่าผัว ... ไม่มีความคิดที่จะให้สุขแก่ผู้อื่น เพื่อให้สุขนั้นย้อนมายังตน

เราจึงไม่แปลกใจที่หลวงพ่อนิพนธ์จะเบื่อหน่ายคนไทย โดยเฉพาะไทยเฉย ไม่ว่าจะเรียกร้องสักเพียงใด มะกรูดคนละลูกสองลูกหิ้วมา ก็เฉย มาวันนี้ ให้ช่วยกันหาพันธ์ มะพร้าวน้ำหอม หรือ มะกรูด มะนาว มาคนละต้นสองต้น ก็เฉย ... ดูว่ามันไร้ค่า สู้ไปฝังลูกนิมิต สร้างโบสถ์ไม่ได้เลย

หากแต่ความจริงที่พระภูมีทรงชี้ให้เห็น สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลก นั่นคือ "มนุษย์" จึงมีคำกล่าว ช่วยชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง ดีกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น

โบสถ์ช่วยชีวิตใครไม่ได้เลย เอาคนไข้ไปวางก็ตายหมด แต่มะกรูดไม่กี่ลูก มะพร้าวไม่กี่ทะลาย ช่วยชีวิตคนได้ อันไหนมีค่ากว่ากัน

มาวันนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ ก็ให้เริ่มลองปฏิบัติ รักษาวาจา รักษาใจ ไม่โกรธ ไม่ติเตียนใคร นับแต่ออกจากห้องสวดมนต์ ไปจนเข้ากระโจมเสร็จ .... แล้วดูผล

บุญของพระภูมี ทุกคนจึงมีต้นทุนเท่ากัน ผลสำเร็จคือเครื่องยืนยันว่า คนผู้นั้น ฟัง แล้วทำตามหรือไม่ เพราะใครทำ ใครได้ ....

ดังนั้น อย่ามาเหมารวมว่า เมื่อทานสมุนไพรแล้วต้องหาย เหมือนกันทุกคน .... เพราะปัจจัยของการหาย ไม่ได้อยู่ที่ความหนักเบาของอาการ หรือ ชนิดของโรค หากแต่ขึ้นอยู่กับว่า ใครฟัง แล้วทำได้ ... ผู้ทำได้ คือผู้หาย

เพราะฉะนั้น ในอีกไม่ช้า หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ใครที่ไม่เห็นค่าของชีวิต ไม่ให้ความสำคัญ นั่นหมายถึง คนที่ไม่หวังผล ก็ไม่ควรที่จะเสียเวลาทั้งสองฝ่าย ให้คนเหล่านั้นออกไป หาทางเลือกใหม่ที่ชอบ ที่นี่ให้เหลือเฉพาะคนที่อยากได้ อยากทำ อยากช่วยตน

มาตรการในอนาคต ก็จะรับคนจำนวนจำกัด คนที่ไม่ทำคัดออกไป คนที่หายแล้วก็ออกไป แล้วให้รับคนใหม่มาแทน ให้ได้ในจำนวนเท่าเดิม

บทเริ่มของการสร้างคุณภาพ จึงเริ่มจากมาตรฐานในการให้ความสำคัญต่อการมา เมื่อระบบพร้อม สมุนไพรพร้อม นั่นคือ สัญญาหนึ่งปีที่ให้ต่อกัน .... ห้ามขาด ใครยังไม่พร้อม ไม่มีเวลา ก็ยังไม่ต้องมา

แล้วมาดูกันว่า ความไม่โรค ... ที่พระภูมีตรัส เขาทำกันอย่างไร

จะมารักษาโรค ก็ต้องอาศัยบุญ ... แม้นจะไม่ได้ตัดกิเลสนิสัยทั้งหมด เพื่อไปนิพพาน ก็ต้องลดละนิสัยเป็นบางสิ่งบางอย่างให้เป็นบุญ ล้างกรรมที่ทำมา จึงต้องสวดมนต์ ต้องลดนิสัยลดการกระทำ จะไม่ทำอะไรเลย ไม่ยอมเปลี่ยน ... อย่ามาเสียเวลาเลย ...



ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44