วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

ใจสู้เหมือนเขาหรือปล่าว

หลวงพ่อนิพนธ์ มักเน้นย้ำให้เราท่านตระหนักเสมอว่า ต้นเหตุแห่งโรค หรือ สิ่งที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง เป็นต้นอำนาจ ทำให้เกิดโรค แท้จริงแล้วคือ กรรม

หากแต่เมื่อพิจารณาให้ลึกลงไปในรายละเอียด ก็ต้องสาวว่าเป็นกรรมของใคร ของคนป่วยเพียงผู้เดียว ใช่หรือไม่

พิจารณาก็จะเห็นว่า ไม่ใช่เลย เพราะผู้ป่วยนั้นทุกข์ทางกายกับโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ แต่คนรอบข้าง ครอบครัว ต่างก็ต้องทุกข์ ทั้งการหาเงิน หายา หาหมอ ต้องปรนนิบัติผู้ป่วย นั่นจะเห็นได้ว่า เป็นทุกข์หรือเป็นกรรม ร่วมกันมานั่นเอง

เราเห็นคนไข้ ๒ ครอบครัว ที่มีลักษณะคล้ายกัน นั่นคือ คนเป็นโรค คือ ลูก แต่พ่อแม่ เป็นทุกข์ ดิ้นรนหาหนทาง เสียเงิน เสียทอง ทุ่มเทเวลา หาทางให้ลูกพ้นทุกข์

รายแรก หลายคนอาจจะเคยเห็น ชายหนุ่ม อายุกลางคน ที่แบกลูกมาหาหลวงพ่อนิพนธ์ พร้อมด้วยสายระโยงระยาง อันเนื่องจากการกลายสภาพเป็นดั่ง เจ้าชายนิทรา ผลจากการการจมน้ำนานถึง ๑๐ นาที กว่าจะมีคนพบเห็น ในยามที่อายุ ๒ ขวบ

แม้นจะยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ร่างกายไม่ตอบสนอง ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ทานเองไม่ได้ อย่าว่าแต่พูดเลย แม้แต่ส่งเสียงร้องยังทำไม่ได้เลย

พ่อแม่ หอบหิ้ว หาที่รักษาไปทุกที่ที่คิดว่าจะให้ความหวัง จนกระทั่งมาถึงหลวงพ่อนิพนธ์

ผ่านไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ พ่อแม่ของเด็ก ก็ดีใจอยากมาก และเต็มไปด้วยความหวังที่ลูกของเขาจะกลับมาปกติอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงลูกร้อง หลังจากไม่เคยได้ยินอีกเลย จากอุบัติเหตุครั้งนั้น เมื่อพัฒนาการร้องกลับมา ตามมาด้วย การเริ่มบังคับปาก ลิ้น ทำให้ทานอาหารเองได้

วันนี้เราจึงไม่แปลกใจ ที่จะเห็นชายผู้นี้ มีความกระตือรือล้น มาช่วยกิจกรรมของชมรม ตั้งแต่เช้ามืด ที่แผนกรับคนไข้ และอยู่ช่วยจนกระทั่ง เก็บบัตรเรียบร้อยในตอนเย็น

เฉกเช่นเดียวกับ พ่อแม่ของเด็กหญิงฝาแฝด ผู้ซึ่งมีกรรมพันธ์ ทำให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนล้า ในวัยเพียงสิบขวบ ทั้งคู่

จากเด็กสาว ที่ควรจะเข้าสู่วัยสดใสของวัยรุ่น ช่างพูด ช่างคุย ร่าเริง กลายสภาพเป็นเด็กที่ต้องนั่งรถเข็น พูดไม่ได้ ทรงตัวไม่ได้ และมีน้ำลายไหลจากปากตลอดเวลา

พ่อแม่ของเด็ก หอบหิ้วลูกไปหาหมอทุกที่ ที่คิดว่าจะช่วยลูกทั้งสองได้ ผ่านการรักษาด้วยยาที่ว่าดีที่สุด แพงที่สุด จะอย่างไรก็สู้ ด้วยความรักลูก แต่ความหวังของทั้งสองก็ค่อยๆดับลงไป หลังจากครั้งสุดท้ายของการพบหมอ ที่บอกแก่พวกเขาว่า วิธีการรักษาที่ได้ผลอย่างแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นคือ การใช้เสต็มเซลล์ หากแต่ค่ารักษาในการทำ คนละสี่แสนบาท พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะทำ

ผลที่ปรากฎหลังการทำเสต็มเซลล์ ไม่เหมือนที่หมอคุย ลูกสาวทั้งสองของเขา มีสภาพแย่ลงกว่าเดิม ในที่สุดหมอก็ทิ้ง ด้วยวาจาอมตะ

พรรคพวกในวงธุรกิจก็ชวนให้มาลองทางเลือกสมุนไพร เพราะทางอื่นมันถูกปิดแล้ว แต่เมื่อมีความหวัง ด้วยความรักลูก ก็ดั้นด้นมาลองเส้นทางนี้

พ่อแม่ ต้องพาลูกสาวทั้งสอง ที่นั่งรถเข็นทั้งคู่ ช่วยตัวเองไม่ได้ทั้งคู่ มาด้วยความมานะอดทน ดั่งที่เราเคยลงรูปให้ดูในอดีต

ความหวังของการกลับมาเป็นปกติ เริ่มฉายแสง นับตั้งแต่วันที่แม่ของเขาเห็นลูกสาว ยื้อยุดฉุดแย่งตุ๊กตากับพี่เลี้ยง เพราะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมานาน ด้วยลูกสาวท้ังสอง ไม่มีแรงนั่นเอง มาวันนี้ ลูกสาวเริ่มทรงตัวได้ เริ่มหัดเดิน และที่สร้างความดีใจมากแก่พวกเขา นั่นคือ ลูกสาวทั้งสอง กลับมาพูดคุยได้อีกครั้ง แม้นยังไม่เหมือนเดิมเต็มร้อยก็ตาม

ตัวอย่างทั้งสอง ทำให้เราเห็นว่า คำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ มีค่ามหาศาล เพราะเมื่อกรรมเป็นของคนในครอบครัว การจะมาทำให้คนหายโรค โดยทิ้งให้เฉพาะคนที่เป็นโรค ฟื้นฟูตนเองเพียงฝ่ายเดียว จะสู้กับครอบครัว ที่ต่อสู้กันทั้งหมดได้อย่างไร

ภาพที่เราเห็น คนรุ่นหนุ่มสาว พาพ่อแม่ที่ป่วยมา เมื่อพาพ่อแม่เข้ามาสวดมนต์ ฟังหลวงพ่อนิพนธ์ ด้วยสภาพของคนป่วยคงไม่มีสมาธิในการฟังสักเท่าไร หากแต่คนหนุ่มสาวที่มีสภาพดีๆ กลับทำตนไม่รู้ไม่ชี้ นั่งอ่านหนังสือที่ตนชอบ เล่นเกม เล่นแชท

ที่ทำให้เราไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก นั่นคือ เมื่อคนเหล่านี้พาพ่อแม่มาพึ่งที่นี่ หากแต่ตัวของพวกเขากลับวางเฉย ไม่สนอะไรในแผ่นดินนี้เลย พูดง่ายๆ หยาบๆ เรียกได้ว่าทำตนแบบ กูไม่เกี่ยว

หลวงพ่อนิพนธ์เคยชี้ให้เห็นว่า ศาสน์ของพระภูมี มีช่องทางที่คนหรือคู่คล้องกรรม สามารถกระทำตน สร้างบุญจนบุญสนองให้ตนไม่เป็นทุกข์ แต่ทุกข์ของตนที่มีนั่นคือ ห่วงพ่อแม่ คนที่รัก ที่เป็นโรค ด้วยเหตุนี้ บุญที่ผู้นั้นทำ จึงเผื้อแผ่มาให้คนที่เป็นโรคหายโรค เพื่อคนๆนั้นจะได้ไม่ทุกข์ อันเป็นที่มาของการเกาะชายผ้าเหลืองนั่นเอง

บทสรุปในเรื่องนี้ ที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นนั่นคือ ในเมื่อสิ่งที่เกิด เป็นความทุกข์ หาใช่เฉพาะคนป่วยไม่ ดังนั้น เมื่อคนที่มีส่วนในทุกข์อันนี้ มาร่วมด้วยช่วยกันสร้างบุญ ย่อมทำให้ผู้ป่วยหายวัน หายคืน ได้เร็วยิ่งขึ้น

ภาพที่เราเห็น คุณพ่อคุณแม่ ของเด็กเหล่านี้ ทุ่มเททุ่มใจ พยายามใช้สิ่งที่ตนมี ไม่ว่าจะเป็นแรงกาย แรงความคิด แรงใจ หรือแม้แต่ทุนทรัพย์ ในการช่วยกิจการของชมรม ผลที่พวกเขาได้ ย่อมดลให้พวกเขาหายทุกข์

ลูกของพวกเขาที่ยังทำอะไรไม่ได้ นอกจากทานสมุนไพร หากแต่กรรมรวมของพวกเขา ก็ได้ถูกใช้ด้วยสิ่งที่พวกเขาทำ นั่นจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมลูกๆของพวกเขาจึงหายเร็ววัน ก็เพราะครอบครัวของพวกเขาช่วยกันพายนั่นเอง

ภาพจำลองที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็น เมื่อพ่อแม่พวกเขาใช้กรรมของตน จนกลายเป็นคนมีบุญ แต่บุญมีสัญญลักษณ์คือความสุข นั่นจึงต้องไปเกื้อหนุนให้ลูกของเขาหาย เพราะนั่นคือทุกข์ของพ่อแม่ ...

กรรมที่เราท่านต้องคอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ต้องดิ้นรนหาเงิน จะหายไปด้วยคนป่วยช่วยตนเองเพียงอย่างเดียวนก็อุปมาไม้ซีกงัดไม้ซุง ... ทำไมไม่ช่วยกันงัด

กว่าจะถึงวันที่ฝัน ต้องใช้เวลานานสักเท่าใด ... เราท่านมีเหมือนเขาไหม จึงไม่มีข้อสงสัยในคำตรัสของพระภูมีเลยว่า หลักของท่าน "ใครทำ ใครได้" และทำยาก จะมีสักกี่คนที่เข้าใจ และใจสู้ เหมือนสองครอบครัวนี้

คำอุธรณ์ที่เรามักได้ยิน จากคนที่วางเฉย เมื่อคนป่วยของเขาไม่ประสพผล มักเปรยให้ได้ยิน และเห็นได้ในเวป นั่นคือ ไหนว่าสมุนไพรดี กินแล้วไม่เห็นหายเลย เราเลยไม่แปลกใจว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เพราะคนพวกนี้ ไม่ยอมที่จะทำเพื่อช่วยตน คอยแต่จะร้องขอ เมื่อไม่ได้ ก็โทษผู้อื่นนั่นเอง ... หลวงพ่อนิพนธ์จึงเรียกคนเหล่านี้ว่า "พวกรำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง" มีเยอะ ต้องทำใจ และก็เป็นคนส่วนใหญ่เสียด้วย

การจะมาทานสมุนไพรแล้วหาย จึงต้องมีรายละเอียด ไม่ใช่มาถึงจะเอาแต่หาย .... ศาสน์เขาไม่ตอบสนองความต้องการของคนเหล่านี้หรอก

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44